สรุปข่าวการลงทุนหุ้น วันที่ 18 สิงหาคม 2558




** ต่างชาติซื้อ!! **

โดย อินเด็กซ์ 51 18 ส.ค. 2558



ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 17 ส.ค.58 ปิด 1,408.74 จุด ลดลง 5.18 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 32,239.83 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,570.56 ล้านบาท

หุ้นที่ซื้อขายสูงสุด KTB ปิด 17.70 บาท ลบ 0.10 บาท, AOT ปิด 287 บาท บวก 4 บาท, PTT ปิด 297 บาท ลบ 5 บาท, TPIPL ปิด 2.36 บาท บวก 0.18 บาท และ IFEC-W2 ปิด 2.02 บาท บวก 0.55 บาท

แรงซื้อไม่สามารถช่วยให้ตลาดปรับตัวขึ้นได้ เมื่อช่วงท้ายตลาดโดนแรงขายกระหน่ำลงมากดดัชนีปิดตลาดร่วงแดนลบ หลังสภาพัฒน์

ออกมาปรับลดคาดการณ์จีดีพีปีนี้ลงเหลือโต 2.7-3.2% จากเดิม 3-4% สะท้อนภาพการชะลอตัวของเศรษฐกิจที่ชัดเจนมากขึ้น

บล.เคที ซีมิโก้ชี้ตลาดยังไร้ปัจจัยบวกใหม่ๆเข้ามาหนุนการลงทุน ท่ามกลางแรงขายหุ้นพลังงาน รับราคาน้ำมันโลกที่ปรับตัวลงอีกครั้ง แม้จะมีแรงซื้อหุ้นใหญ่รายตัว อย่าง AOT และ SCC รวมทั้งหุ้นแบงก์แต่ไม่สามารถต้านทานแรงกดดันจากหุ้นพลังงานและปิโตรเคมีได้

ประเมินทิศทางตลาดระยะสั้น แกว่งตัวในกรอบแคบ มีปัจจัยให้ติดตามการปรับคณะรัฐมนตรีที่ต้องจับตาทีมเศรษฐกิจใหม่ว่าจะเรียกความมั่นใจนักลงทุนกลับมาได้หรือไม่

แนะกลยุทธ์ เก็งกำไรระยะสั้นขึ้นขาย-ลงซื้อ ด้านเทคนิคให้แนวรับ 1,400-1,380 จุด ส่วนแนวต้าน 1,420-1,442 จุด

โฟกัสหุ้น TUF หลังผู้บริหารคาดปีนี้กำไรเดินหน้าทำนิวไฮ ส่วนเรื่องการซื้อธุรกิจทูน่ากระป๋องยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ “บับเบิ้ลบี” จะมีความชัดเจนใน 4-6 สัปดาห์ มาดูบทวิเคราะห์โบรกเกอร์ก่อนหน้านี้ บล.ทิสโก้

แนะ “ซื้อ” ให้มูลค่าที่เหมาะสมสูงสุด 23 บาท ตามด้วยคันทรี่ กรุ๊ป ให้ 22.90 บาท ขณะที่ดีบีเอสวิคเคอร์ส ให้ราคาพื้นฐาน 22.40 บาท ส่วนฟิลลิปให้ราคาพื้นฐาน 21.20 บาท ด้านทรีนีตี้ ให้ 21 บาท

และ บล.เคที ซีมิโก้ ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น “Outperform” ให้มูลค่าพื้นฐาน 20.60 บาท

ปิดท้าย มีข่าว บมจ.สยามสตีลอินเตอร์เนชั่นแนล (SIAM) แจ้งตลาดเซ็นสัญญาบันทึกข้อตกลงเบื้องต้น (MOU) กับบริษัท นิปปอน สตีล แอนด์ ซูมิคิน เมทอล โปรดักส์ และ บริษัท ฮานวา จากญี่ปุ่น เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในโครงการร่วมลงทุนผลิตสินค้าในกลุ่ม Civil Engineering Products หรือผลิตภัณฑ์ด้านวิศวกรรมโยธา ใช้เหล็กเป็นวัตถุดิบหลัก ซึ่งพันธมิตรญี่ปุ่นมีความเชี่ยวชาญสูง

หากผลการศึกษามีความคืบหน้าก็จะนำไปสู่การร่วมลงทุน เพื่อต่อยอดสร้างรายได้ให้บริษัท...!!


** สังคมข่าวหุ้น : เล็กเซียวหงส์ **

 หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้นธุรกิจรายวัน กระบอกเสียงอิสระแห่งตลาดทุน ที่ได้รับความนิยมสูงสุดของประเทศ ฉบับประจำวันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2558 นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,570.57 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 1,450.22 ล้านบาท ส่วนสถาบันในประเทศขายสุทธิ 578.76 ล้านบาท

*สภาพัฒน์ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยปี 2558 เหลือเติบโต 2.7-3.2% จากเดิมคาดว่าเติบโต 3-4% หลังมองว่าการส่งออกปีนี้จะติดลบถึง -3.5% จากเดิมคาดว่าจะเติบโตได้ 0.2% และการนำเข้าจะติดลบ -5.5% จากเดิมคาดว่าเติบโต 0.8% ขณะที่ปรับลดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อปี 2558 เป็นติดลบ -0.7 ถึง -0.2% จากเดิมคาดว่าติดลบ -0.3 ถึงเติบโต 0.7%

*กระแส “ล้ม-เลื่อนประมูลคลื่น 4G” กลายเป็นตัวกดดันหุ้น ADVANC-DTAC อย่างปฏิเสธไม่ได้ ว่าไปแล้วหากเกิดว่า “เลื่อนประมูล” กันจริงๆ ดูเหมือน TRUE จะได้ประโยชน์สูงสุด...แต่เบื้องหลังใครจะวิ่งเต้นล้มหรือเลื่อนประมูล อันนี้มิอาจทราบได้เลยจริงๆ เรื่องนี้ต้องติดตามกันต่อไป

*หุ้นIFEC เร่าร้อนจัดจ้านไม่น้อย หลังไตรมาส 2/58 พลิกมีกำไรกว่า 74 ล้านบาท  จากที่เคยขาดทุน 22 ล้านบาท ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการ “เทิร์นอะราวด์” อย่างชัดเจน แบบนี้ราคาเป้าหมาย 12-13 บาท คงไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันอีกต่อไปแล้ว

*หุ้นLIVE หลังจาก “ล้มลุกคลุกคลาน” มานาน ได้เริ่มต้นกลับมาอีกครั้ง พร้อมโครงสร้างธุรกิจใหม่และไตรมาส 2/58 พลิกมีกำไร 21 ล้านบาท จากขาดทุน 6 ล้านบาท จึงมีความเป็นได้ว่าอนาคตอันใกล้นี้จะได้เห็นราคาทะลุ 1 บาทได้ซะที หลังจากเป็น “หุ้นไม่เต็มบาท” มานานแสนนาน ส่วนจะไปได้ตลอดรอดฝั่งได้หรือไม่..เป็นบทพิสูจน์ผู้บริหารอย่างแท้จริง

*หุ้น AJD ดูเหมือนจาก “ดาวสู่ดิน” หลังตีฆ้องร้องป่าว “สตอรี่” ว่าด้วยเรื่องจะมี “แจ็ค หม่า” มาร่วมเป็นพันธมิตร..น่าสงสัยว่าไอ้ที่บางกลุ่มปั่นหุ้นกันขึ้นไปก่อนหน้านี้...ออกของกันไปหมดแล้วหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ เรื่องนี้อยากให้หันมาดูปัจจัยพื้นฐานว่าดีจริงหรือไม่

*หุ้น  AOT เริ่มกลับสู่ภาวะปกติหลัง “แตกตื่นตกใจ” และ “ขวัญเสีย” กันไม่น้อยช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จากกรณีจีนลดค่าเงินหยวน ทำให้มโนกันไปว่า AOTจะได้รับผลกระทบเลยแห่ “ขายหมู” กันไป คราวนี้เลยต้องเข้ามาไล่เก็บกันอีกครั้ง จึงถือว่า “ฟ้าใสหลังฝน” อย่างชัดเจน

*ปิดท้ายกันเช่นเคยกับ “ข่าวหุ้นออนทีวี-วิทยุ” เริ่มตั้งแต่เช้า  08.40-09.00 น. พบกันสดๆ กับ “Morning Star : หุ้นดาวเด่น” ที่จะมาอัพเดตตลาดหุ้นทั่วโลก เพื่อมองแนวโน้มตลาดหุ้นไทย โดย วิษณุ โชลิตกุล หัวหน้ากองบรรณาธิการข่าวหุ้นธุรกิจ และก่อนเปิดตลาดบ่าย 13.30-14.00 น. กลับมาพบกับรายการ “ข่าวหุ้น เจาะตลาด” ช่วงวันจันทร์-ศุกร์ ทางสถานีโทรทัศน์ดิจิตอลสปริงนิวส์ (ช่อง 19) และช่วงเปิดตลาดเช้า 10.00-11.00 น. พบกับ “Business Insight”โดยทีมงานข่าวหุ้นธุรกิจและจีจีนิวส์ ทางสถานีวิทยุ FM 97.0 MHz การันตีข้อมูลข่าวสารแน่นเหมือนเดิม เพราะ “ทุกคำถามเรื่องหุ้น” หาคำตอบได้ที่ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” เท่านั้น..!!


 ** เจาะรายตัว! : เจาะกระดานหุ้น: โมนิก้าและทีมงาน **

*วานนี้ “โมนิก้า” ยังเห็นแฟนคลับสาละวนอยู่กับการแกว่งตัวขึ้นๆ ลงๆ ของดัชนีตลอดทั้งวัน ทั้งที่จังหวะนี้เป็นจังหวะของการแบ่งแยกหุ้นขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก เพื่อกำหนดโพสิชั่นในการลงทุนให้ชัดเจนขึ้น มันเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่งยวดไม่ใช่เหรอ? แต่ทำไมยังยึดติดกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง จนพลาดโอกาสทองในการ take profit ครั้งแล้วครั้งเล่าแบบนี้..โทษใครไม่ได้หรอก ยกเว้นโทษตัวเองนะจ๊ะ

*เนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงนี้เป็นการช่วงชิงความได้เปรียบในการเข้าทำแต่ละรอบ ยอดการซื้อๆ ขายๆ ของนักลงทุนแต่ละกลุ่มถึงเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ไม่มีใครกล้าซื้อหุ้นไปเรื่อยๆ และไม่มีใครกล้าขายหุ้นลูกเดียว “โมนิก้า” ถึงต้องย้ำกับแฟนคลับว่า วันนี้ซื้อหุ้น ไม่ได้ซื้อดัชนี และยุทธวิธีดันหุ้นเพื่อปล่อยของ ยังเป็นรูปแบบพื้นๆ ที่เห็นได้บ่อยเหลือเกินในห้วงเวลานี้นะคะ

*ฉะนั้นอย่าได้แปลกใจที่เห็นกองทุนหันมาขายหุ้นอีกรอบ ส่วนฝรั่งตาน้ำข้าวย้อนกลับเข้ามาซื้อ แต่แรงซื้อดังกล่าวยังไม่มากพอ ดัชนีถึงรูดลงมาปิดที่ 1,408.74 จุด ลบไป  5.18 จุด ด้วยมูลค่า 3.22 หมื่นล้านบาท ล้วนเป็นวัฏจักรเดิมๆ ที่พอหลับตาปุ๊บ ก็นึกภาพดังกล่าวออกปั๊บ “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับลองไปนั่งทบทวนตัวเองอีกสักรอบว่า วันนี้จะเล่นเกมบุก หรือ เกมรับ เพราะผลลัพธ์ของเรื่องดังกล่าวต่างกันอย่างชัดเจนนะซี

*เหมือนกับการลงทุนในหุ้น PTT ต่อจากนั้นหันไปมอง PTTEP และลองแอบส่อง PTTGC พร้อมกับเล็งเป้าไปยัง TOP ไปๆ มาๆ ก็ได้ข้อสรุปเรื่องดังกล่าวว่า ยังไม่ถึงเวลากลับทิศกลับทาง ยังมีปัจจัยลบคอยรบกวนตลอดเวลา ความหวังที่จะได้เห็นรีเทิร์นเป็นกอบเป็นกำ ยังเป็นเรื่องยากสุดจะบรรยาย เพราะทิศทางของหุ้นยังเป็นลักษณะ sideway down วันนี้ถึงได้แต่นั่งมองตาปริบๆ นะตัวเอง

*ตรงกันข้ามกับในรายของ IFEC พอทุกอย่างเป็นไปตามที่เคยให้ข่าวไว้ ตัวเลขกำไรเริ่มขยายตัวอย่างเห็นได้ชัด แรงซื้อจากนักลงทุนกลุ่มต่างๆ ก็หวนกลับเข้ามาอีกรอบ พร้อมกับจินตนาการไปถึงในช่วงไตรมาส 3 กับไตรมาส 4 จะเลิศหรูอลังการงานสร้าง หุ้นถึงกระชากขึ้นมาปิดที่ 10.40 บาท บวกไป 1.25 บาท หรือขึ้นไป 13.70% ด้วยมูลค่า 980 ล้านบาท น่าจะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการทะยานขึ้นรอบใหม่ และถ้าดูตามเนื้อผ้าที่เกิดขึ้น ณ เวลานี้ ยังเป็นระดับที่นักเล่นสามารถเข้าซื้อได้สบายๆ นะจ๊ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ SUPER ทุกครั้งที่สตอรี่เรื่องพลังงานทางเลือกถูกจุดขึ้นมาทีไร มักเห็นหุ้นตัวนี้กระชากขึ้นแรงเป็นประจำ บวกกับมีการสร้างความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการทำกำไรออกมาเป็นระลอก “โมนิก้า” ถึงเห็นหุ้นขยับขึ้นอย่างช้าๆ เป็นเวลาหลายวัน จนล่าสุดหุ้นขึ้นมาปิดที่ 1.74 บาท บวกไป 0.08 บาท หรือขึ้นไป 5% ด้วยมูลค่า 360 ล้านบาท เทียบกับก่อนหน้านี้อยู่เหนือ 2 บาท มันเป็นจังหวะที่ต้องไหลตามน้ำแล้วนะคะ

*ในเมื่อรูปแบบของการเล่นเป็นลักษณะ “เปิดก่อน ได้ก่อน” TPIPL จึงกลายเป็นอีกหนึ่งช็อตที่ใครต่อใครพากันชำเลืองดูเป็นพิเศษ ช่วงแรกๆ ของการเคาะขวา ก็ยังเปาะๆ แปะๆ ไม่มีอะไรเป็นเนื้อเป็นหนัง แต่หลังจากนั้นค่อยๆ ไล่ราคาขึ้นมาเรื่อยๆ จนสุดท้ายไปจบที่ราคา 2.36 บาท บวกไป 0.18 บาท หรือขึ้นไป 8% ด้วยมูลค่า 1.14 พันล้านบาท แถมเป็นการปรับตัวขึ้น 3 วันติด น่าจะย่อตัวสักเล็กน้อย ก่อนจะเล่นกันต่อเจ้าค่ะ

*ส่วนที่ยังเล่นกันต่อทุกช็อต และกลายเป็นหุ้นที่ติดลมบนอย่างเต็มตัว “โมนิก้า” ต้องหันมามอง GL เป็นคิวถัดมาในทันที ล่าสุดทะยานขึ้นมาทำ new high ที่ระดับ 15.80 บาท บวกไป 0.80 บาท หรือขึ้นไป 5% ด้วยมูลค่า 260 ล้านบาท เท่ากับเป็นการย้ำหัวหมุดว่า หุ้นตัวนี้มีพ่อยกแม่ยกตามเชียร์แบบเกาะติดขอบเวที หุ้นถึงทะยานขึ้นอย่างร้อนแรงเป็นเวลายาวนานไงล่ะค่ะ

*อีกหนึ่งรายที่ “โมนิก้า” รู้สึก “ขึ้นทน ขึ้นนาน” เดี๊ยนขอหันไปมองสิ่งมีชีวิตเล็กๆ LIVE เพื่อเสนอไว้เป็นทางเลือกสำหรับคนที่ชอบลงทุนอะไรยาวๆ นานๆ เพราะการคัมแบ็กเที่ยวนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ บวกกับพรายกระซิบเม้าท์ถึงแผนการเติบโตอย่างแข็งแกร่งให้ฟังทุกวี่ทุกวัน วันนี้เลยถือโอกาสเม้าท์สักหน่อย เพราะการที่หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 0.77 บาท บวกไป  0.02 บาท หรือขึ้นไป 2.70% ย่อมสะท้อนให้เห็นว่า มีดีพอตัว..ทราบแล้วบอกต่อด้วยนะคะ

*เหมือนกับในรายของ WIIK ราคาหุ้นฉวัดเฉวียนเหลือเกินในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา “โมนิก้า” เข้าใจว่า เป็นผลมาจากตัวเลขกำไรในไตรมาส 2 ที่ออกมาค่อนข้างดี ทำให้กลุ่มนกรู้กระโจนเข้าใส่มือเป็นระวิง แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นการลองใจผู้ร่วมขบวนทัพ มีจิตใจที่อ่อนไหวเกินไปหรือเปล่า? ปฏิบัติการเขย่าเอาของถึงเกิดขึ้น และเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับคนที่มีใจแน่วแน่ เพราะหุ้นวิ่งขึ้นมาทำ new high ในรอบสัปดาห์ที่ระดับ 3.60 บาท บวกไป 0.24 บาท หรือขึ้นไป 7% ด้วยมูลค่า 120 ล้านบาท และมีโอกาสทำจุดสูงสุดใหม่อีกนะจะบอกให้



** ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: หุ้นกลุ่มสร้างบ้านพุ่ง หนุนดาวโจนส์ปิดบวก 67.78 จุด **


          สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 ส.ค. 58)--ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (17 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้าน หลังจากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 10 ปี  
          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,545.18 จุด เพิ่มขึ้น 67.78 จุด หรือ +0.39% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,091.70 จุด เพิ่มขึ้น 43.46 จุด หรือ +0.86% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,102.44 จุด เพิ่มขึ้น 10.90 จุด หรือ +0.52%
          ในช่วงแรกนั้น ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงไปกว่า 100 จุด หลังจากมีรายงานว่าดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) ร่วงลงในเดือนส.ค. เนื่องจากการชะลอตัวของคำสั่งซื้อใหม่และยอดส่งออก
          แต่หลังจากนั้นไม่นาน ตลาดหุ้นนิวยอร์กพลิกกลับมาเคลื่อนไหวในแดนบวกและปิดตลาดปรับตัวขึ้น เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้าน หลังจากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านพุ่งขึ้นในเดือนส.ค.อยู่ที่ระดับ 61 ใน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2005 ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และบ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นต่อตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐ
          ทั้งนี้ หุ้นท็อปบิลด์ คอร์ป และหุ้นเคบี โฮม ซึ่งเป็นบริษัทรับสร้างบ้านรายใหญ่ของสหรัฐ ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 3%
          หุ้นกลุ่มสายการบินปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ส ปรับขึ้น 1.9% หุ้นยูไนเต็ด คอนติเนนตัล โฮลดิงส์ พุ่งขึ้น 1.95% และหุ้นเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ส ทะยานขึ้น 2.8%
          หุ้นเทสลา มอเตอร์ ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 4.9% หลังจากมอร์แกน สแตนลีย์ ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นเทสลาขึ้นสู่ระดับ 465 ดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าระดับปิดของเมื่อวันศุกร์
          อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก โดยหุ้นเชฟรอน ร่วงลงกว่า 2%
          ส่วนหุ้นเอสเต้ ลอเดอร์ ดิ่งลง 6.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวังในไตรมาส 2
          นักลงทุนจับตาดูรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำวันที่ 28-29 ก.ค. ซึ่งคณะกรรมการเฟดจะเปิดเผยในช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 21 ส.ค.ตามเวลาไทย เพื่อประเมินท่าทีของเฟดว่าจะส่งสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อใด
          นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูความคืบหน้าด้านการให้ความช่วยเหลือกรีซ โดยล่าสุดทางการเยอรมนีระบุว่า นางคริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการ IMF จะยื่นข้อเสนอเข้ามีบทบาทมากขึ้นเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านการเงิน ถ้าหากกรีซดำเนินการปฏิรูปตามเงื่อนไขภายในเดือนต.ค. และการพิจารณาทบทวนการให้ความช่วยเหลือในครั้งแรกเป็นไปอย่างประสบความสำเร็จ
Share on Google Plus

About Admin

This is a short description in the author block about the author. You edit it by entering text in the "Biographical Info" field in the user admin panel.
    Blogger Comment
    Facebook Comment

0 comments :

Post a Comment