สรุปข่าวการลงทุนหุ้น วันที่ 14 สิงหาคม 2558



** ดาวโจนส์ + 5.74 จุด / 17,408.25 **
น้ำมัน - 1.07 ดอลลาร์ / 42.23
ทองคำ - 8.00 ดอลลาร์ / 1,115.60 


น้ำมันร่วงต่ำสุดรอบ6ปี หุ้นมะกันคงที่-ทองคำลงจากข้อมูลค้าปลีกสหรัฐฯ

เอเอฟพี/มาร์เก็ตวอชต์ - น้ำมันร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปีเมื่อวันพฤหัสบดี(13ส.ค.) ท่ามกลางความกังวลต่ออุปทานล้นตลาด ส่วนวอลล์สตรีทแค่ทรงตัว แม้ได้แรงหนุนจากข้อมูลค้าปลีกอันแข็งแกร่ง ขณะที่ปัจจัยนี้ผลักให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ฉุดให้ทองคำขยับลงแรงอีกครั้ง
      
       น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 1.07 ดอลลาร์ ปิดที่ 42.23 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2009 ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 44 เซนต์ ปิดที่ 49.22 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
      
       ตลาดน้ำมันแกว่งตัวขึ้นลงตลอดทั้งสัปดาห์ ท่ามกลางความกังวลต่อสถานะทางเศรษฐกิจของจีน หลังปักกิ่งสร้างความประหลาดใจแก่ตลาดด้วยการลดค่าเงินหยวน
      
       จีน แมคกิลเลียน โบรกเกอร์และนักวิเคราะห์จากเรดิชัน เอเนอร์จี มองว่ามีความเป็นไปได้ที่ราคาน้ำมันจะลดต่ำลงไปกว่านี้อีก อย่างไรก็ตามอุปสงค์ที่เข้มแข็งของสหรัฐฯต่อผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมก็ช่วยป้องหันไม่ให้มันดิ่งลงอย่างหนักหน่วง
      
       ความเห็นของ แมคกิลเลียน มีขึ้นหลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐฯเผยแพร่ข้อมูลเมื่อวันพุธ(12ส.ค.) ว่าคลังน้ำมันเบนซินสำรองของประเทศ ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 6 สิงหาค ลดลงถึง 1.3 ล้านบาร์เรล บ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่ฟื้นตัว
      
       ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อวันพฤหัสบดี(13ส.ค.) ปิดในกรอบแคบๆท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวนจากข้อมูลทางเศรษฐกิจที่ผสมผสาน อันได้แก่ยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งของอเมริกา และรายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวังของห้างสรรพสินค้าดังอย่างโคลส์และดิลลาร์ดส
      
       ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 5.74 จุด (0.03 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,408.25 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 2.66 จุด (0.13 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,083.39 จุด แนสแดค ลดลง 10.83 จุด (0.21 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,033.56 จุด
      
       ยอดค้าปลีกอเมริกาในเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายน 0.6 เปอร์เซ็นต์ สู่ 446,500 ล้านดอลลาร์ ดีกว่าที่คาดหมายว่าและกระพือข่าวลือว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) อาจขึ้นดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือนกันยายน
      
       อย่างไรก็ตามรายงานผลประกอบการของโคลส์และดิลลาร์ดส สะท้อนภาพอันซบเซาของพฤติกรรมผู้บริโภค โดยหุ้นของโคลส์ ลดลงถึง 8.8 เปอร์เซ็นต์ หลังรายงานรายได้ต่ำกว่าคาดหมาย โดยมีรายได้สุทธิในช่วงไตรมาส 2 ลดลง 44 เปอร์เซนต์ เหลือแค่ 130 ล้านดอลลาร์
      
       ส่วน ดิลลาร์ดส มีรายได้ลดลง 2.4 เปอร์เซ็นต และรายได้สุทธิไตรมาส2 ลดลง 13.3 เปอร์เซนต์ เหลือ 29.9 ล้านดอลลาร์ หรือ 75 เซนต์ต่อหุ้น
      
       ด้านราคาทองคำเมื่อวันพฤหัสบดี(13ส.ค.) ปิดลบครั้งแรกในรอบ 6 วัน จากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น หลังกระทรงพาณิชย์รายงานข้อมูลค้าปลีกที่สดใส โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 8.00 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,115.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์



** พยุงตัว!! **
โดย อินเด็กซ์ 51 14 ส.ค. 2558

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 13 ส.ค.58 ปิดที่ 1,404.15 จุด ลดลง 4.17 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 49,397.21 ล้านบาท

หุ้นที่ซื้อขายสูงสุด PTT ปิดที่ 300 บาท ลบ 8 บาท, KBANK ปิดที่ 171 บาท ลบ 3.50 บาท, AOT ปิดที่ 278 บาท เพิ่มขึ้น 5 บาท, TRUE ปิดที่ 10.30 บาท ลบ 0.30 บาทและ JAS ปิดที่ 5.05 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง

ตลาดหุ้นไทยปิดลบทิ้งทวนกับความกังวลจีนลดค่าเงินหยวน หลังวันก่อนตลาดหุ้นปิดทำการ ในช่วงที่ตลาดหุ้นร่วงทั่วโลก มาวันนี้ทั่วโลกผงกหัวขึ้นได้ หุ้นไทยจึงแดงทิ้งทวน อย่างไรก็ตาม ตลาดยังมีความกังวลว่า สงครามค่าเงินที่เกิดขึ้นจะทำให้ Flow ไหลกลับมาในเอเชียและไทยได้ยากขึ้น ยกเว้นตลาดจะโชว์ความแข็งแกร่ง โชว์พื้นฐานกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่เติบโตดีได้

บล.บัวหลวง มองว่า เงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่ามากเมื่อช่วงกลางปีทำให้ค่าเงินในภูมิภาคอ่อนค่าลงมาราว 12% และเมื่อจีนปรับลดค่าเงินหยวน ทำให้กระแสเงินทุนต่างชาติคงกลับมาได้ยากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่เชื่อมโยงกับเงินหยวนค่อนข้างมาก อย่างอินโดนีเซียและมาเลเซีย ที่ปรับลงมากกว่าตลาดอื่น

อย่างไรก็ตาม ยังคงประเมินว่าตลาดหุ้นไทยรอบนี้ Downside คงยังไม่จบขาลงในเร็วๆนี้ โดยมองไว้ที่ 1,350 จุด แต่อาจลงไม่ถึง เนื่องจากหลายบริษัทจดทะเบียน เผยงบออกมาดีกว่าที่คาด นอกจากนี้ มองว่าหุ้นไทยยังคงให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในระดับสูง

บล.โนมูระ พัฒนสิน มองยังเห็นโอกาสดีดตัวขึ้นระยะสั้นในเชิงเทคนิค เนื่องจากตลาดฯเข้าสู่ภาวะ Over Sold แนะกลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ เลือกหุ้นรายตัว เน้นหุ้นที่มีปันผลสูง และกำไรแข็งแกร่ง อย่าง INTUCH-CPALL-PLANB-TVT พร้อมประเมินแนวรับที่ 1,384-1,380 จุด และแนวต้านที่ 1,401 จุด

ปิดท้ายแนะนำหุ้นไอพีโอน้องใหม่ ATP30 ล่าสุดประกาศเคาะราคาขายหุ้น IPO ที่หุ้นละ 0.95 บาท มีส่วนลด 24.59% จาก P/E กลุ่มอุตสาหกรรมในตลาด mai พร้อมเปิดจองวันที่ 19-21 ส.ค. คาดว่าจะเข้าเทรดในตลาด mai วันที่ 27 ส.ค.นี้

มั่นใจผลตอบรับดี หลังเดินสายเหตุโรดโชว์ มีนักลงทุนให้ความสนใจจำนวนมากขณะที่ผู้บริหารมั่นใจรายได้ปีนี้โต 15-20% และเพิ่มเป็นโต 20-25% หลังซื้อรถโดยสารเพิ่ม!!



** สังคมข่าวหุ้น **
2015-08-14

*จีนลดค่าเงินหยวนทำเอาป่วนทั้งเอเชีย ส่วนของประเทศไทย แม้ว่าวันที่ 12 สิงหาฯจะเป็นวันหยุด แต่เปิดมาวานนี้ ยังไม่หายตื่นตูมกัน ทิ้งกันจ้าละหวั่นเลย ไม่รู้ใครปล่อยหมูไปบ้าง เพราะหุ้นบางตัว ดูๆ ไปแล้วได้รับปัจจัยบวกจากจีนลดค่าเงินด้วยซ้ำ เช่น พวกกลุ่มวัตถุดิบที่จีนนำเข้าจากไทยไป แล้วผลิตเพื่อส่งออก ยังไงก็ดูกันหน่อย ไม่ใช่เห็นชาวบ้านทิ้ง ตรูกันไปขอทิ้งบ้าง

*ประเทศมาเลเซียบ่นเซ็งเป็ดว่ะ หลังตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/58 ออกมา บอกว่าเติบโตเพียง 4.9% เพราะส่งออกแย่ และตัวเลขนี้น้อยกว่าไตรมาส 1 ที่ขยายตัว 5.6% เห็นตัวเลขแบบนี้แล้วของไทยแลนด์เห็นแล้วคงตาร้อนผ่าวๆ เพราะผ่านมาถึงตอนนี้ หากได้ถึงซัก 3.00% ก็แทบจะจุดพลุฉลองกันแล้ว

*กรุงเทพประกันชีวิต หรือ BLA แจ้งผลประกอบการไตรมาส 2 ออกมา กำไรสุทธิกว่า 1.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่มีกำไรเพียง 169 ล้านบาท ก็ถือว่าพลิกฟื้นขึ้นมาได้ เพราะปีก่อนหน้าไปเน้นขายสินค้าแบบระยะสั้น และผลกระทบจากดอกเบี้ยปรับลง ทำให้ต้องตั้งสำรองเยอะ ด้านโบรกฯ ส่วนใหญ่ยังแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายของ บล.เอเซีย พลัส ให้ไว้ 66.35 บาท

*หุ้น ITD นี่แฟนคลับเยอะจริงๆ ใครเล่นตัวนี้ก็จะรู้ว่า เป็นหุ้น “เล่นรอบ” มีทั้งรอบใหญ่ รอบเล็ก  สลับกันไปตามกระแสข่าวว่าได้งานโน้น งานนี้ แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ก็ต้องไม่ลืมว่า แต่ละงานของ ITD นั้น กว่าจะมีรายได้และกำไรกลับมา มันกินเวลานานมากๆ จริงๆ  ค่าพี/อี ก็ไม่มี ผลตอบแทนเงินปันผลก็ยังคำนวณไม่ได้ นี่แหละหุ้นเก็งกำไรของแท้

*ปัญหาของการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินที่กระบี่ยังไม่ได้ข้อยุติ แต่ล่าสุด นายกฯลุงตู่ บอกว่า ก็ยังดำเนินการไปตามกำหนดการ ทั้งทำเรื่อง EIA และ EHIA หากผ่านก็คือผ่าน ไม่ผ่านก็คือไม่ผ่าน แล้วมาดูว่าไม่ผ่านเพราะอะไร ส่วนการใช้พลังงานทดแทนอย่างอื่น ก็ต้องแลกกับค่าไฟฟ้าแพงขึ้น 2 เท่า และความมีเสถียรภาพในการผลิตด้วย

*หุ้น PIMO ราคาขายไอพีโอ 1.30 บาท เปิดตลาด 3.40% หลังจากนั้น ราคาค่อยๆ รูดลงๆ มาที่ต่ำสุด 2.02 บาท ก็นึกว่าจะไม่รอดซะแล้ว แต่มีแรงมาดันช่วงท้ายตลาด มาปิดที่ 2.50 บาท ดังนั้น วันนี้มีโอกาสที่ราคาจะไปต่อได้ เปิดไฟวิ่งชิดขวาเลย

*แก้ไขข่าวเล็กน้อยในหนังสือพิมพ์ข่าวหุ้นธุรกิจฉบับวานนี้ที่พาดหัวข่าว “ไทยประกันชีวิต” ลงทุนในเวียดนาม จริงแล้ว คือ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต ที่เข้าไปลงทุน โดยจับมือกับสถาบันการเงินท้องถิ่น เพื่อลุยตลาดประกันชีวิตในเวียดนาม

*หุ้น PTT หรือ ปตท. ราคาหลุด 300 บาท ไปแป๊บหนึ่ง ก็เด้งขึ้นมาปิดตลาดที่ระดับ 300 บาทพอดี เช่นเดียวกับครั้งก่อนหน้านี้ ที่ราคาลงไปป้วนเปี้ยนแถว 290 บาท ก็มีแรงซื้อเข้ามา แนวรับ 290 บาท ถือว่าแข็งแกร่งมาก ส่วน PTTEP ราคาเด้งขึ้นมาบ้างแล้ว ส่วนจะกลับไปยืนเหนือ 100 บาทอีกครั้ง ต้องรอน้ำมันในตลาดโลกฟื้นตัวนั่นแหละ แต่คาเฟอีนเกรงว่า ราคาจะรีบาวด์ช่วงสั้นน่ะสิ เพราะน้ำมันโลกใกล้จะลงมาอยู่ที่ 40 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลแล้ว

*สมาคมประกันชีวิตไทยรายงานตัวเลขเบี้ยประกันชีวิตรับรวม ณ สิ้นไตรมาสสอง ปี 2558 (มกราคม-มิถุนายน) มีทั้งสิ้น 262,834 ล้านบาท อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 2.79 แต่ประเด็นที่น่าสนใจคือ ยอดขายประกันผ่านธนาคารพุ่งขึ้นมากินสัดส่วนร้อยละ 45.08 ของเบี้ยประกันรับทั้งหมดแล้ว เอไอเอมีสัดส่วนการตลาดอันดับ 1 ร้อยละ 20.97, อันดับที่ 2 บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต ร้อยละ 17.54 และอันดับ 3 บมจ.ไทยประกันชีวิต ร้อยละ 12.16





** ดันท้ายตลาด **
2015-08-14

เจาะกระดานหุ้น: โมนิก้าและทีมงาน

*ไปๆ มาๆ สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยก็ไม่มีอะไรกระเตื้องขึ้นสักเท่าไหร่ ความหวังที่จะได้เห็นดัชนีเด้งกลับบริเวณ 1,400 จุด กลายเป็นฝันสลายในชั่วพริบตา และยังทำให้เหล่านักเล่นขวัญหนีดีฝ่อกันอย่างถ้วนหน้านั้น “โมนิก้า” ถือเป็นบททดสอบความแน่วแน่ในการลงทุน ซึ่งวานนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ผู้เล่นส่วนใหญ่ยังไม่มั่นใจในทิศทางการลงทุนเจ้าค่ะ

*ด้วยเหตุนี้ถึงทำให้ดัชนีทรุดตัวลงอย่างรวดเร็ว พร้อมกับลงไปทำระดับต่ำสุด 1,382.70 จุด ก่อนจะเด้งขึ้นมาปิดที่ 1,404.15 จุด ลบไป 4.17 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.95 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นไฟต์บังคับที่นักเล่นต้องพิจารณาสิ่งที่จะตามมาระลอกใหม่ และเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้กลายเป็นอุทาหรณ์สอนใจนักเล่นให้ระมัดระวังตัวมากขึ้น เพราะหุ้นบลูชิพกลายเป็นของแสลงสำหรับนักลงทุนทุกหมู่เหล่าไปเสียแล้วนะคะ

*เนื่องจากเป็นหุ้นเพียงกลุ่มเดียวที่โดนถล่มอย่างหนักในช่วงหลายวันที่ผ่านมา และน่าจะโดนเทขายต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีกำหนด เพราะเมื่อแลซ้าย แลขวา บวกกับ แลหน้า แลหลัง “โมนิก้า” ไม่เห็นมีประเด็นอะไรใหม่ๆ ที่จะช่วยให้หุ้นทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง แถมวานนี้มีการดันหุ้นเพื่อทำดัชนีในช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายก่อนปิดตลาด มันเป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติเลยค่ะ

*ในมุมหนึ่งอาจเป็นจังหวะของการทำตัวเป็นชาวสวน และอาจเปิดโอกาสให้ทำตัวเป็นชาวไล่ชั่วขณะ ซึ่งเมื่อดูแบบรวมๆ จะเห็นว่า มันคือเกมหุ้นที่กำลังขับเคี่ยวกันอย่างเมามัน “โมนิก้า” ถึงพยายามให้แฟนคลับทำตัวโอนอ่อนเหมือนสนต้องลม เพราะเป็นหนทางเดียวที่จะหยั่งรู้ถึงกระแสลมหันไปยังทิศไหน? ซึ่งเป็นข้อมูลที่เดี๊ยนพยายามสอดแทรกให้ลองไปคิดทุกครั้งที่ดัชนีลงแรงเกินกว่าเหตุนะคะ

*เหมือนกับในรายของ AOT ของมันเห็นกันมาจน นมยาน..อุ๊ย..นมนาน ธุรกิจผูกขาด กำไรมากน้อย อยู่ที่การควบคุมภายใน และปัจจัยต่างๆ ที่เข้ามากระทบเป็นเพียงแค่ระยะสั้น เมื่อทุกอย่างกลับคืนสู่สภาพที่ควรจะเป็น หุ้นจะกลับมาเฉิดฉายอีกครั้ง ล่าสุดหุ้นเด้งขึ้นมาปิดที่ 278 บาท บวกไป 5 บาท ด้วยมูลค่า 2.50 พันล้านบาท ทั้งที่ระหว่างวันโดนถล่มลงไปกองอยู่ที่ 266 บาท ก็ยังไม่ใช่จุดเปลี่ยนที่ทำให้หุ้นกลับทิศอย่างบูรณาการเจ้าค่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ DTAC โดนถล่มเทขายอย่างหนักเป็นเวลานาน บวกกับลงมาถึงก้นเหวก่อนใครเพื่อน วันนี้เลยไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว ล่าสุดหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 66.75 บาท หรือขึ้นไป 3.70% ด้วยมูลค่า 570 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นจังหวะที่ต้องเล่นอย่างไม่มีเงื่อนไข อีกทั้งไซเคิลดังกล่าวก็เป็นวงรอบเดิมในช่วงเทกตัวขึ้นมาก่อนหน้านี้ จึงไม่มีอะไรน่ากลัวในสายตา VI ไงล่ะค่ะ

*สถานการณ์ข้างต้นคล้ายคลึงกับ ASEFA ซึ่งก่อนหน้านี้มีแต่คนสาดหุ้นออกมาเป็นระลอก แต่ก็มีฮึดสู้ในบางครั้งบางคราว ล่าสุดเด้งขึ้นมาปิดที่ 4.88 บาท บวกไป 0.28 บาท หรือขึ้นไป 6% ด้วยมูลค่า 400 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นช็อตที่แฟนคลับต้องเล็งให้ดีเป็นพิเศษ เพราะก่อนหน้านี้มีแพทเทิร์นขึ้น 1 วัน ลง 2 วัน จึงต้องดูกันว่า วันนี้จะล้างอาถรรพ์ได้สำเร็จไหม? หากทำได้จะเป็นการกลับทิศอย่างชัดเจนนะคะ

*เม้าท์ถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” คงต้องยืดอกเม้าท์ถึง AJD เพื่อเร้าอารมณ์นักเล่นกลุ่มต่างๆ สักเล็กน้อย เพราะการที่หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดยังบริเวณ 1.63 บาท บวกไป 0.14 บาท หรือขึ้นไป 9.40% ด้วยมูลค่า 1.60 พันล้านบาท มันหมายถึงหุ้นได้ติดลมบนอย่างเต็มตัว จังหวะนี้ถึงมีแต่เหล่าผู้กล้ากระโจนเข้าใส่มือเป็นระวิง สงสัยเรื่องนี้จะเป็นหนังม้วนยาวที่มีซีรี่ย์ใหม่ๆ ออกมาให้ดูอีกนานเจ้าค่ะ

*เหมือนกับในรายของ KAMART อาจเป็นหุ้นที่ทำให้แฟนคลับผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า แต่รอบนี้มาพร้อมกับตัวเลขกำไรเติบโตกว่า 40% ทุกอย่างเลยดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ แรงซื้อถึงไหลกลับเข้ามาเป็นจำนวนมาก จนหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 6.20 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไปเกือบ 11% ด้วยมูลค่า 111 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นช็อตที่ไม่ธรรมดาจริงๆ แถมเป็นการเด้งขึ้นวันแรกแบบนี้ วันนี้เล่นต่อชัวร์ป้าบ!

*ส่วนที่หมดรอบแล้วแน่ๆ “โมนิก้า” ขอพุ่งเป้าไปที่หุ้นร้อน PK ซึ่งอุบไต๋มาเป็นเวลานานพอสมควร พอเปิดหน้าไพ่ให้ดูเท่านั้นแหละ ช็อกตาตั้งกันเป็นทิวแถวเลยทีเดียว เพราะมันไม่มีอะไรที่ทำให้อยากถือหุ้นตัวนี้อีกต่อไป ยิ่งเห็นตัวเลขกำไรลด 60%  ยิ่งต้องถอยห่างให้ไวที่สุด เพราะมูลค่าที่เหมาะสมที่เดี๊ยนคิดไว้ก่อนหน้านี้อยู่แค่ 4 บาท ขณะที่ราคาล่าสุดปิดที่ 7.10 บาท ลบไป 0.75 บาท หรือลงไป 9.55% ด้วยมูลค่า 540 ล้านบาท ยังเหลือแก๊ปให้หุ้นลงอีกเยอะนะเนี่ย

*สำหรับหุ้นน้องใหม่ PIMO ยืนปิดที่ระดับ 2.50 บาท บวกไป 1.20 บาท หรือขึ้นไป 92% ด้วยมูลค่า 2.35 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของคนที่ชอบเล่นหุ้นเล็ก บวกกับหุ้นย่อตัวลงมาให้เล่นแบบนี้ด้วยแล้ว มันเป็นจังหวะที่เหมาะแก่การเข้าทำเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ถึงต้องติดตามดูให้ดีเป็นพิเศษ เพราะอาจเป็นช่องทางทำเงินช่องใหม่ก็ได้นะตัวเอง



Share on Google Plus

About Admin

This is a short description in the author block about the author. You edit it by entering text in the "Biographical Info" field in the user admin panel.
    Blogger Comment
    Facebook Comment

0 comments :

Post a Comment