สรุปข่าวการลงทุนหุ้น วันที่ 23 กรกฏาคม 2558



** ซื้อกลับแบงก์-สื่อสาร   23 ก.ค. 2558  **
โดย อินเด็กซ์ 51 

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 22 ก.ค.58 ปิดที่ 1,447.84 จุด เพิ่มขึ้น 0.40 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 39,970.26 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 2,303.43 ล้านบาท

หุ้นที่ซื้อขายสูงสุด PTT ปิด 314 บาท ลบ 8 บาท, KTB ปิด 17.40 บาท บวก 0.60 บาท, TPIPL ปิด 2.48 บาท บวก 0.12 บาท, KBANK ปิด 182 บาท บวก 0.50 บาท และ JAS ปิด 5.15 บาท ลบ 0.10 บาท

มีแรงซื้อคืนในหุ้นแบงก์ สื่อสาร และวัสดุก่อสร้างรายตัว ขณะที่ยังคงมีแรงขายหุ้นพลังงานกลุ่ม ปตท.ต่อเนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่ยังคงปรับตัวลงเป็นตัวถ่วงตลาดในภาพรวม นักลงทุนหวังรัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนขณะที่หวังปรับ ครม.สร้างเซนติเมนต์เชิงบวกระยะสั้น

งานสัมมนาที่จัดโดยสมาคมบริษัทหลักทรัพย์และสมาคมบริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุน มองดัชนีหุ้นที่ระดับ 1,400 จุด น่าจะเอาอยู่ ไม่น่าไหลรูดลงไปต่ำกว่านี้ ด้วยพื้นฐานเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียนไม่ถึงกับย่ำแย่ ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงเป็นจังหวะของการช็อปปิ้งของถูก แต่ต้องพิถีพิถันในการเลือกหุ้น ส่วนใหญ่เน้นหุ้นรับเหมาฯ วัสดุก่อสร้าง แบงก์ สื่อสารและอสังหาริมทรัพย์

ขณะที่บรรดานักลงทุนสถาบันผู้จัดการกองทุน ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ดัชนีหุ้นที่รูดลงมาระดับนี้ ทำให้ตลาดหุ้นไทยกลับมามีความน่าสนใจมากขึ้น จึงรอจังหวะเข้าซื้อหุ้นเข้าพอร์ต!!

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็งแนะนักลงทุนเลือกเล่นหุ้นเป็นรายตัว เชียร์ TASCO, TIPCO, SCC โดดเด่น คาดกำไรไตรมาส 2 จะออกมาดี ขณะที่มองแนวโน้มตลาด ดัชนีมีโอกาสดีดตัวขึ้นได้ต่อ ลุ้นยืนเหนือระดับ 1,450 ได้ ส่วนงบการเงินกลุ่มแบงก์ที่ออกมาไม่ได้แย่กว่าที่คาด ด้านเทคนิค ให้แนวรับ 1,430 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,460 จุด

โฟกัสหุ้นแบงก์ หลังผลประกอบการไตรมาส 2 ออกมาไม่ได้แย่ไปกว่าที่คาด มีดูสำนักวิเคราะห์ต่างๆแนะนำกันยังไง เริ่มจาก BBL บล.เคทีบี (ประเทศไทย) แนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 209 บาท ตามด้วย ดีบีเอสวิคเคอร์สให้ราคาพื้นฐาน 200 บาท ขณะที่เมย์แบงก์ กิมเอ็ง คงราคาเป้าหมายที่ 195.74 บาท ด้านทรีนีตี้และเอเซียพลัส ใจตรงกัน ให้ราคาเป้าหมายที่ 194 บาทเท่ากัน

ส่วน กรุงศรี และซีไอเอ็มบี แนะแค่ “ถือ” เหมือนกัน โดยให้ราคาเป้าหมาย 170 บาท และ 164 บาท ตามลำดับ

อีกตัว KTB บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง และทรีนีตี้แนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมายเท่ากันที่ 21 บาท ส่วนเอเซียพลัสและเคที ซีมิโก้ เคาะเป้าเดียวกันที่ 20 บาท ขณะที่ บล.กรุงศรี แนะแค่ “ถือ” ให้ราคาเป้าหมาย 18 บาท.
 

** เอาที่สบายใจ! 23-7-58 **

เจาะกระดานหุ้น: โมนิก้าและทีมงาน


*ดูเหมือนเรื่องของข่าวสารต่างๆ ที่เข้ามากระทบกับการลงทุนจะพุ่งเป้าไปยังตัวบุคคลที่บริหารงานล้มเหลวเป็นหลัก สภาพของข่าวสารที่ออกมาถึงฟังไม่ได้เลยสักเรื่อง ถึงกับเจ้าตัวเกิดอาการก้นร้อนจนนั่งไม่ติด พร้อมกับออกมาบรรยายความในใจให้สังคมได้รับรู้แบบไม่อิดออด “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่ควรกระทำมาตั้งนาน ส่วนจะมีคนเชื่อน้ำคำที่พ่นออกมาขนาดไหน? ก็ดูกันเองแล้วกัน..อิอิอิ

*เหมือนกับการออกโรงของ “อุ๋ย 100 จุด” ที่มาแก้เกี้ยวด้วยเรื่องเม้าท์ที่ว่า บิ๊กตู่ไม่เข้าใจเรื่องเศรษฐกิจ พร้อมกับเปรยความในใจให้สังคมได้รับรู้ว่า “หม่อมจะไปพูดแบบนั้นทำไม มันไม่เป็นความจริงเลย น่าจะเป็นขบวนการปล่อยข่าวทำให้เสียชื่อเสียง...ต้องการใส่ร้าย ไม่รู้ว่าใครปล่อยข่าว”  พร้อมกับมองว่า การส่งออกในไตรมาส 4 จะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น หลังจากเงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่องนะจ๊ะ

*งานนี้เดี๊ยนไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์อะไรมากกว่านี้ เพราะได้พูดสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นไปหมดแล้ว ส่วนบุคคลที่ถูกพาดพิงจะนำสารดังกล่าวไปพิจารณาต่ออีกทอดหรือไม่? “โมนิก้า” ถือว่า ไม่ใช่สาระสำคัญที่ต้องตามไล่บี้ทุกเม็ด เพราะวันนี้น่าจะเอาที่สบายใจแล้วกัน และอยากให้คนอื่นๆ ลองไปคิดดูว่า สิ่งที่เกริ่นนำไว้ก่อนหน้านี้ มันเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับนักลงทุนรายย่อยขนาดไหนเจ้าค่ะ

*ฉะนั้นการที่ดัชนีเด้งขึ้นมาปิดที่ 1,447.84 จุด บวกไป 0.40 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.90 หมื่นล้านบาท มองในมุมบวกถือว่า หายตกใจ!  บวกกับกองทุนขี้ตืดหวนกลับเข้ามาซื้อหุ้นอีกครั้ง ภาพรวมของการลงทุนถึงดูดีขึ้นในระยะสั้น ถ้ามองในมุมกลับกันจะเห็นว่า วานนี้ฝรั่งสาดหุ้นออกมาอีก 2.30 พันล้านบาท มันเป็นขั้วอารมณ์ที่ทำให้คนถือหุ้นบลูชิพมีอาการร้อนๆ หนาวๆ นะคะ

*เหมือนกับข่าวล่าสุดที่เกิดขึ้นกับหุ้นพลังงานทางเลือกในกลุ่มที่ทำโซลาร์ฟาร์ม ว่ากันว่า พื้นที่ก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่อยู่ในจังหวัดลพบุรีมีชาวบ้านมาประท้วง จนการก่อสร้างเริ่มสะดุดลงกลางคันแบบนี้ มันกระทบต่อแวลูของหุ้นที่กำลังเทรดกันอยู่ในเวลานี้ ส่วนพื้นที่ดังกล่าวจะเป็นของใครนั้น “โมนิก้า” ใบ้ให้นิดหนึ่งว่า ที่ดินดังกล่าวมีอยู่ 800 ไร่ เพียงเท่านี้ก็รู้ได้ทันทีว่า พื้นที่ตรงนั้นเป็นของ...อิอิอิ

*ส่วนช็อตที่ 2 ของเรื่องนี้มีการป้องปากซุบซิบกันว่า มีบริษัทหนึ่งยังไม่ยอมขนแผงโซลาร์ออกจากท่าเรือคลองเตย ที่แท้เป็นผลมาจากคณะกรรมการ BOIยังไม่ได้อนุมัติด้านการลงทุน ขืนนำเอาแผงดังกล่าวออกมาทื่อๆ มีหวังโดนภาษีฟันหัวแบะ ซึ่งหลายคนเริ่มรู้แล้วว่า เจ้าของเป็นใคร? “โมนิก้า” ถึงอยากให้คนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อยู่เฉยๆ เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย เดี๋ยวจะโดนข้อครหา “กินปูนร้อนท้อง” นะจะบอกให้

*เช่นเดียวกับกรณีของหุ้นร้อน PAE จริงๆ ไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้สักเท่าไหร่ เพราะมันเป็นเรื่องของผลประโยชน์ที่ขัดกัน แต่ที่ต้องเม้าท์ถึงอีกรอบมาจาก ก.ล.ต. เด้งรับอย่างนิ่มนวล “โมนิก้า” ถึงมองว่า เรื่องนี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน แถมเป้าโจมตีเที่ยวนี้พุ่งเป้าไปที่ “เสี่ยขุน” แบบเต็มๆ จึงกลายเป็นหนังเรื่องยาวที่ชวนให้คนที่ชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้าน เข้ามาคอมเม้นต์กันอย่างถล่มทลาย ซึ่งอาจมีเรื่องที่จริงบ้าง เรื่องที่ไม่จริงบ้าง จึงเอาเป็นว่า สบายใจที่จะฟังแบบไหน..ก็ฟังแบบนั้นละกัน

*ไหนๆ เม้าท์ถึงเสี่ยดังขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ก็ขอแถมอีกนิดหนึ่งว่า คำเสนอซื้อหุ้น DIMET ของกลุ่มทุนใหม่ที่อยู่ภายใต้การบัญชาของเสี่ย ก็ก่อให้เกิดคำถามว่า เป็นเทพลงมาโปรด หรือ เป็นซาตานลงมาเกิด โดยเฉพาะเรื่องตั้งโต๊ะซื้อถือว่าแฟร์ แต่ที่ไม่แฟร์ดันซื้อไม่หมด ชาวหุ้นเขาเลยนินทาลับหลังกันอย่างสนุกปาก “กูว่าแล้ว..กูบอกแล้ว”  บวกกับข่าวคราวของเสี่ยในช่วงหลังๆ มีแต่เรื่องเสียๆ หายๆ จึงกลายเป็นประเด็นที่ทำให้สังคมจับตาเป็นพิเศษเจ้าค่ะ

*เหมือนกับกรณีของสิ่งมีชีวิตเล็กๆ LIVE จู่ๆ อยากแสดงอภินิหารขึ้นมาแบบนี้ “โมนิก้า” มองว่า มีสิทธิ์จบไม่สวยค่อนข้างสูง ของมันเห็นกันอยู่ว่า อะไรเป็นอะไร และหุ้นที่เดินมาทรงนี้ รุ่งสักรายไหม? ทุกคนต่างรู้ดีอยู่แก่ใจ ล่าสุดหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 0.77 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 220 ล้านบาท มันเป็นสถานการณ์ที่เดี๊ยนไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวจริงๆ และจะสบายใจเป็นอย่างมาก หากวันนี้ไม่ต้องพูดถึงหุ้นตัวนี้อีก..อิอิอิ

*เช่นเดียวกับในรายของ TMC กลายเป็นหุ้นที่ “โมนิก้า” เลือกที่จะพูดถึงเป็นลำดับแรก แต่ไปๆ มาๆ กลับเป็นรายที่พูดถึงท้ายสุด เหตุผลในครั้งนี้ไม่มีอะไรมาก แค่อยากจะเตือนว่า ไม่มีอะไรซัพพอร์ตสักอย่าง หุ้นดันวิ่งขึ้นมาปิดที่ 3.08 บาท บวกไป 0.28 บาท หรือขึ้นไป 10% ด้วยมูลค่าการซื้อขายกว่า 140 ล้านบาท มันเป็นทางเลือกดีที่สุดสำหรับตอนนี้จริงเหรอ?

*ป.ล.วันนี้หลายคนเลือกที่จะพูด บางคนเลือกที่จะอยู่เฉยๆ บางคนเลือกที่จะเล่นต่อ หรือบางคนก็เลือกที่จะออกแอ๊คติ้ง มันก็ขึ้นอยู่กับความสบายใจของแต่ละคน..ถ้ารู้สึกสบายใจก็ทำไปเถอะ!


** สังคมข่าวหุ้น   23-7-58 **
         

ดัชนีหุ้นไทยปิดตลาด1,447.84จุดเพิ่มขึ้น 0.40 จุดด้วยมูลค่าการซื้อขาย39,970 ล้านบาทอารมณ์ตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ต้องการเห็นการเปลี่ยนตัวทีมเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเปลี่ยนจาก “หม่อมอุ๋ย” มาเป็น  “สมคิด” หรือเป็นใครก็ช่างเถอะ..แต่อารมณ์ตลาดอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง เพราะผิดหวังจากทีมเศรษฐกิจชุดปัจจุบัน ที่ไม่สามารถคืนความสุขให้กับประเทศและตลาดหุ้นไทยได้เลย

***น่าจับตา BTS-SIRI ควงคู่กันแถลงข่าวแผน 5 ปี ด้วยการเนรมิต 25 โครงการ มูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท เริ่มจากปีนี้ 20,000 ล้านบาท แน่นอนมีเป้าหมายว่าปี 2561 จะมีกำไรกว่า 1,000 ล้านบาท นับว่าเป็นดีลที่น่าสนใจจริงๆ เพราะจะได้เห็นคอนโดมิเนียมแนวรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อยทีเดียว

****หุ้นEA กลับมายืนเหนือ 20 บาท หลังผู้บริหาร..ออกมายืนยันชัดๆ อีกครั้งว่า...กรณีคดีของ “นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง” ไม่เกี่ยวข้องกับบริษัทแต่อย่างใด เป็นเรื่องส่วนในฐานะผู้ถือหุ้นคนหนึ่งเท่านั้น..นั่งยันนอนยันกันถึงขนาดนี้ ใครจะจับไปต่อ “จิ๊กซอว์” อะไรอีก..ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว

****หุ้น PTTEP บอกตรงๆ เลยว่า “หาทางกลับบ้านไม่เจอ” ซะที ราคาใกล้จะหลุด 90 บาทเข้าไปทุกที เชื่อว่าสถานการณ์หุ้น PTTEP จะเป็นแบบนี้ไปจนกว่า PTTEP จะประกาศงบไตรมาส 2/58 ออกมาให้เห็นกันชัดๆ  ซะทีว่า ที่ประเมินว่ากำไรจะลดฮวบนั้น...มันลดมากซักแค่ไหน..เรียกว่าให้มัน “รู้ดำรู้แดง” กันไปเลย

****แต่สิ่งที่ต้องจับตากันต่อนั่นคือตำแหน่งซีอีโอ PTTEP คนใหม่ที่จะมานั่งแทน “เทวินทร์ วงศ์วานิช” ที่ขยับไปนั่งเก้าอี้ซีอีโอปตท. ว่าไปแล้ว “เพ็ญจันทร์ จริเกษม” ซีเอฟโอที่คุณสมบัติครบครันที่จะขึ้นซีอีโอPTTEP แต่เกษียณปีนี้พอดิบพอดี จึงทำให้PTTEP จะขาดทั้ง CEO และ CFO พร้อมกันเลยทีเดียว...ปัญหาอยู่ที่ใครจะมานั่งในสถานการณ์แบบนี้..เหนื่อยครับเหนื่อยจริงๆ

****มาแล้วครับ...สมาคมโบรกเกอร์ออกมาปรับลดอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้นบริษัท (EPS Growth) ปีนี้เหลือเติบโต 8-9% จากเดิมประเมินว่าเติบโต 15% โอ้วๆๆๆ...ปรับลดลงจากเดิมเกือบครึ่งแบบนี้ยิ่งสะท้อนให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้นว่าเศรษฐกิจชะลอตัวอย่างชัดเจน..หวังว่า “ทีมเศรษฐกิจชุดใหม่” จะเรียกความเชื่อมั่นกลับมาได้บ้างสักนิดก็ยังดีกว่า “ไม่ทำอะไรกันเลย” แบบนี้  นักลงทุนอยู่ในสภาพการรอคอยและไม่มีโปรเจ็กต์ใดเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมในเชิงปฏิบัติซะที

****ชัดเจนอีกขั้น...ล่าสุดบอร์ดกสทช.มีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์การประมูลคลื่น 4G ย่านความถี่ 900 MHz. จำนวน 2 ใบอนุญาต โดยกำหนดราคาตั้งต้นที่ 11,260 ล้านบาทต่อ 1 ใบอนุญาต…จึงทำให้ชัดเจนว่า 11 พ.ย. 58 จะมีการประมูล 4 ใบพร้อมกัน (คลื่นความถี่ 1800 MHz. จำนวน 2 ใบ และคลื่นความถี่ 900 MHz. จำนวน 2 ใบ)


** ดาวโจนส์ - 68.25 จุด / 17,851.04 **
น้ำมัน - 1.67 ดอลลาร์ / 49.19
ทองคำ -12.00 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,091.50 

น้ำมันดิ่งต่ำกว่า$50อีกครั้ง หุ้นมะกันลง จับตาทองคำหลุด$1,100แล้ว!!

 เอเอฟพี/รอยเตอร์/มาร์เก็ตวอชต์ - น้ำมันสหรัฐฯดิ่งแรง ปรับลงต่ำกว่า 50 ดอลลาร์อีกครั้งในวันพุธ(22ก.ค.) หลังพบสต๊อกเชื้อเพลิงสูงขึ้น ส่วนวอลล์สตรีทลดลงจากรายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทยักษ์ใหญ่ ขณะที่ทองคำร่วงต่ำกว่า 1,100 ดอลลาร์แล้ว นักลงทุนหมางเมินสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ
      
       น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 1.67 ดอลลาร์ ปิดที่ 49.19 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปรับลดต่ำกว่า 50 ดอลลาร์ เป็นครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 91 เซนต์ ปิดที่ 56.13 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
      
       กระทรวงพลังงานสหรัฐฯระบุว่าคลังน้ำมันสำรองทางพาณิชย์ของประเทศในสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้น 2.5 ล้านบาร์เรล ส่วนสต๊อกที่เมืองคุชชิง รัฐโอคลาโฮมา ศูนย์ส่งมอบสำคัญ ก็เพิ่มขึ้น 800,000 บาร์เรล ซ้ำเติมความกังวลต่อภาวะอุปทานล้นตลาด
      
       ขณะเดียวกันรายงานยังพบว่ากำลังผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯในสัปดาห์ที่แล้ว มีความเปลี่ยนแปลงแค่เล็กน้อยและยังอยู่ใกล้ๆระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ราว 9.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน
      
       ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อวันพุธ(22ก.ค.) ปิดลบพอสมควร ตามแรงฉุดของภาคเทคโนโลยี จากรายงานผลประกอบการอันน่าผิดหวังของบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆ ในนั้นรวมถึงแอปเปิล
      
       ดาวโจนส์ ลดลง 68.25 จุด (0.38 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,851.04 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 5.06 จุด (0.24 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,114.15 จุด แนสแดค ลดลง 36.35 จุด (0.70 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,171.77 จุด
      
       หุ้นของแอปเปิลร่วงลงถึงร้อยละ 4.6 ปิดที่ 124.80 ดอลลาร์ต่อหุ้น หนึ่งวันหลังจากผู้ผลิตไฟโอนแห่งนี้ออกมาคาดการณ์ว่า รายได้ในช่วงไตรมาสที่ 4 อาจต่ำกว่าที่ตลาดคาดหมาย
      
       นอกจากนี้นักลงทุนยังผิดหวังต่อตัวเลขยอดขาย iPhone ของบริษัทแอปเปิล หลังเผยยอดขาย iPhone เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 35 ในช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ แม้ยอดขาย iPhone 6 และ iPhone 6 Plus เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในจีน
      
       ขณะเดียวกัน หุ้นของไมโครซอฟท์ ก็ปรับลดถึงร้อยละ 4.2 ปิดที่ 45.29 ดอลลาร์ต่อหุ้น หลังรายงานตัวเลขขาดทุน 3.2 พันล้านดอลลาร์ในเดือนเมษายนถึงมิถุนายน. ซึ่งเป็นการขาดทุนรายไตรมาสสูงเป็นประวัติการณ์ของบริษัท ขณะที่บริษํทแห่งนี้ตัดลดมูลค่าทางบัญชีของธุรกิจโทรศัพท์โนเกียและอุปสงค์ระบบปฏิบัติการวินโดรว์สลดลง
      
       ส่วนราคาทองคำเมื่อวันพุธ(22ก.ค.) ปิดลบเป็นวันที่ 10 ติดต่อกัน แตะระดับต่ำกว่า 1,100 ดอลลาร์ เป็นครั้แรกนับตั้งแต่เมื่อวั้นที่ 24 มีนาคม 2010 จากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นและนักลงทุนไม่สนใจสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 12.00 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,091.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์
      
       การปรับลดวานนี้(22ก.ค.) สะท้อนถึงแนวโน้มขาลงของราคาทองคำเมื่อเร็วๆนี้ อันเกิดจากปัจจัยต่างๆนานา ไม่ว่าจะเป็นความคาดหมายว่าธนาคารกลางสหัฐฯ(เฟด)จะขึ้นดอกเบี้ยในช่วงปลายปีซึ่งผลักให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น รวมถึงความหมางเมินต่อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ท่ามกลางความสงบของตลาดทุน หลังผ่านพ้นวิกฤตหนี้กรีซและฟองสบู่แตกในตลาดทุนจีน





Share on Google Plus

About Admin

This is a short description in the author block about the author. You edit it by entering text in the "Biographical Info" field in the user admin panel.
    Blogger Comment
    Facebook Comment

0 comments :

Post a Comment