สรุปข่าวการลงทุนหุ้น วันที่ 11 ธันวาคม 2558



** ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 82.45 จุด ราคาน้ำมันยังคงปรับลงต่อเนื่อง **

ราคาน้ำมันวันพฤหัสบดี(10ธ.ค.) ยังคงปรับลงต่อเนื่อง หลังพบกำลังผลิตโอเปกแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีครึ่ง แต่วอลล์สตรีทฟื้นตัวจากแรงช้อนซื้อของนักลงทุน ส่วนทองคำปิดลบอีกครั้ง กังวลเฟดใกล้ขึ้นดอกเบี้ยแล้ว
      
       น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 40 เซนต์ ปิดที่ 36.76 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 38 เซนต์ ปิดที่ 39.73 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำกว่า 40 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2009
      
       โอเปกรายงานในวันพฤหัสบดี(10ธ.ค.) ว่ากำลังผลิตของกลุ่มเพิ่มขึ้น 230,100 บาร์เรลต่อวันในเดือนพฤศจิกายน เป็น 31.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่ทางกลุ่มพยายามรักษาส่วนแบ่งตลาดท่ามกลางภาวะราคาตกต่ำ
      
       ในรายงานประจำเดือนของโอเปก คาดหมายว่านโยบายดังกล่าวของพวกเขา ที่มีเป้าประสงค์ผลักดันเหล่าผู้ผลิตที่มีต้นทุนสูงกว่าออกจากตลาดจะสัมฤทธิ์ผลในปีหน้า
      
       ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(10ธ.ค.) ปิดบวกเป็นครั้งแรกในรอบ 4 วัน นักลงทุนฉวยโอกาสช้อนซื้อเพื่อเก็งกำไร หลังหุ้นกลุ่มพลังงานขยับลงต่อเนื่องในระยะหลัง
      
       ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 82.45 จุด (0.47 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17.574.75 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 4.61 จุด (0.23 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,052.23 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 22.31 จุด (0.44 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,045.17 จุด
      
       แม้ราคาน้ำมันขยับลงต่ำสุดในรอบหลายปี แต่สมาชิกดาวโจนส์อย่างเชฟรอน ปิดบวก 1.9 เปอร์เซ็นต์ และโคโนโคฟิลลิปส์ ปิดบวก 1.6 เปอร์เซ็นต์ หลังจากทั้งสองบริษัทหั่นงบลงทุนในปี 2016 ลง 25 เปอร์เซ็นต์
      
       ส่วนราคาทองคำในวันพฤหัสบดี(10ธ.ค.) ปิดลบพอสมควร นักลงทุนเริ่มกังวลต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ย ก่อนหน้าการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ในสัปดาห์หน้า โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 4.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,072.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์

http://ho.lazada.co.th/SHEcYh


** แตกกระเจิง? **
เจาะกระดานหุ้น: โมนิก้าและทีมงาน

*ดูเหมือนผู้คนในแวดวงตลาดหุ้นจะแตกกระเจิง กระซ่านสานเซ็นไปคนละทิศคนละทาง หลังจากเจอแรงเทขายถล่มออกมาไม่ขาดสาย จนดัชนีรูดทะลุแนวรับ 1,300 จุด ลงมาปิดที่ 1,297.82จุด ลบไป 9.16 จุด ด้วยมูลค่า 3.43 หมื่นล้านบาท ซึ่งตามตำรามีการวิเคราะห์เหตุการณ์ในลักษณะนี้ไว้ว่า ลงหนักแบบไม่มีวอลุ่ม แสดงว่าไม่มีใครอยากจะถือหุ้นติดไว้ในพอร์ตนะจะบอกให้

*วันนี้ถึงต้องถามกับทุกคนอย่างเป็นกลางว่า ในเมื่อกองทุนยังสาดหุ้นออกมาไม่เลิก และฝรั่งตาน้ำข้าวยังเทขายหุ้นออกมาอย่างหนัก มันทำให้ “โมนิก้า” มองภาพใหญ่ของการลงทุนเที่ยวนี้เป็นมุมลบ และอย่าหวังว่าดัชนีจะดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง เพราะหุ้นพลังงานถูกกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงหล่นอย่างต่อเนื่อง จากที่เคยยืนอยู่ในระดับ 108 เหรียญต่อบาร์เรล ล่าสุดเหลือแค่ 37 เหรียญต่อบาร์เรล..กำไรเลยหายไปบานเจ้าค่ะ

*นั่นหมายความว่า ตลาดหุ้นจะอ่อนตัวลงไปเรื่อยๆ บวกกับแนวรับที่กูรูหลายรายมองไว้อยู่ที่ 1,200 จุด มันคือข้อมูลที่ทำให้ “โมนิก้า” เกิดความรู้สึกห่อเหี่ยวอย่างรุนแรง และหนทางเดียวที่ทำได้ในเวลานี้คือ อยู่เฉยๆ เพื่อรอให้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางเสียก่อน เพราะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังเก็บปากเก็บคำไม่ยอมให้ความเห็นเกี่ยวกับทิศทางของตลาดหุ้นไทยนะซี

*ตรงนี้คือข้อเสียที่ทำให้นักลงทุนขาดข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับการลงทุน เพราะคนที่มีข้อมูลด้านต่างๆ มากที่สุดคือ โปรโมเตอร์ ขณะที่ขุนคลังยุคนี้ก็ไม่ใช้ตลาดหุ้นเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ “โมนิก้า” ถึงเกิดอาการมืดแปดด้านครั้งแล้วครั้งเล่า พร้อมกับตั้งข้อสงสัยขึ้นมาในทันทีว่า การซื้อ LTF & RMF ในภาวะเช่นนี้ คุ้มค่ากับผลตอบแทนที่ได้รับไหม?..ใครรู้ช่วยตอบให้หน่อยนะจ๊ะ

*เหมือนกับในรายของ PTT PTTEP จนป่านนี้ยังมองไม่ออกเลยว่า ก้นเหวอยู่ตรงไหน? แถมโบรกเกอร์ต่างชาติมีแนวความคิดเกี่ยวกับหุ้นพลังงานเป็นลบ “โมนิก้า” ถึงมองเรื่องนี้ว่ายังมีราคาต่ำกว่าให้เห็นอีกแน่นอน งานนี้ให้นักลงทุนไปคิดกันเอาเอง? ส่วนประเด็นที่ไม่ต้องคิดเลยในเวลานี้คือ กองทุนยังสาดหุ้นออกไม่เลิก วันนี้ถึงเห็นหุ้นทำ new low อย่างต่อเนื่องเจ้าค่ะ

*ส่วนที่มาตามนัดในเที่ยวนี้คือ SPRC หลังจากพรายกระซิบย้ำว่า ผู้เล่นส่วนใหญ่ยังกอดหุ้นไว้ในพอร์ต แรงเทขายก็แปรเปลี่ยนเป็นแรงซื้อจนหุ้นกระชากขึ้นมาปิดที่ 8.25บาท บวกไป 0.25 บาท หรือขึ้นไป 3% ด้วยมูลค่า 800 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นโมเมนตัมที่ทำให้แฟนคลับได้ลุ้นอีกเที่ยวหนึ่งว่า จะขึ้นไปยืนเท่ากับราคา IPO ที่ระดับ 9 บาท..จริงหรือไม่ วันนี้รู้ผลนะคะ

*สำหรับในรายของ TKN มาแบบเรื่อยๆ สไตล์หุ้นที่มีขาใหญ่สิงสถิตอย่างคับคั่ง “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่เห็นหุ้นกระชากขึ้นมาปิดที่ 6.70บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 9.80% ด้วยมูลค่า 1.50 พันล้านบาท มันเป็นสถานการณ์ที่นักเล่นเข้าใจเป็นอย่างดี และเป็นจังหวะในการโหนกระแสเพื่อเพิ่มทางเลือกในการลงทุนให้กับตัวเอง วันนี้ถึงต้องถามตัวเองว่า กล้าตามกระแสไหม?

*เช่นเดียวกับในรายของ J วันนี้กลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง และไม่ต้องถามถึงปัจจัยพื้นฐานให้เสียเวลา เพราะอารมณ์ของผู้เล่นในเที่ยวนี้เป็นแบบ สุดซอย! จึงเห็นหุ้นเดินหน้าขึ้นมาปิดที่ 2.82บาท บวกไป 0.18บาท หรือขึ้นไป 6.80% ด้วยวอลุ่มที่หนาแน่นพอตัวแบบนี้ มันเป็นจังหวะของนักเล่นที่ต้องพิจารณาให้ดีว่า ตัวนี้ใช่ทางเลือกในช่วงดัชนี side way down หรือเปล่า?..คุณเท่านั้นที่รู้..อิอิอิ

*เหมือนกับในรายของ JAS หากดูผ่านๆ ไม่คิดอะไรมากมาย หุ้นตัวนี้ยังเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่สำคัญในเที่ยวนี้ และการกระชากขึ้นมาปิดที่ 4.76บาท บวกไป 0.22บาท หรือขึ้นไป 4.80% “โมนิก้า” มองเป็นอีกหนึ่งเกมหุ้นที่เหมาะสำหรับพวกใจกล้า เพราะไซเคิลของหุ้นกำลังก่อตัวเป็นลักษณะ w-shape วันนี้ถึงต้องถามใจตัวเองว่า สิ่งที่เดี๊ยนแสดงความคิดเห็นไว้นั้น..โดนใจหรือเปล่า?

*ส่วนหุ้นที่ทำให้ “โมนิก้า” รู้สึกงงเป็นไก่ตาแตกในเที่ยวนี้คือ BWG เพราะในช่วงต้นปีทะยานขึ้นไปถึง 2.50 บาท แต่ราคาล่าสุดที่เห็นในกระดานอยู่ที่ 1.29 บาท มันไม่หลงเหลือความยิ่งใหญ่ให้เห็นอีกต่อไป บวกกับหุ้นยังอยู่ในทิศทางขาลงอย่างเต็มตัว มันเป็นภาพที่คล้ายคลึงกับหุ้นร้อนอย่าง NUSA อะไรประมาณนี้กระมัง เดี๊ยนถึงอยากให้ทุกคนหันมามองความจริงที่เกิดขึ้นเวลานี้ว่า เจ้ามือโกยอ้าวไปตั้งนานแล้ววันนี้ถึงต้องตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง..ระหว่าง “กอดหุ้น” กับ “ตัดขาย” หลังหุ้นหล่นลงมาอยู่ที่ 0.75 บาท ทั้งที่เดือนก่อนอยู่ที่ 1.30 บาทพะยะค่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ TAKUNI วอลุ่มหดหายไปดื้อๆ พร้อมกับเกิดกระแสเม้าท์มอยอย่างหนาหูว่า จบเกม! หลังขึ้นเครื่องหมาย XR-XW หุ้นถึงรูดลงมาปิดที่ 4.98บาท ลบไป 5.02บาท หรือลงไป 50% “โมนิก้า” ถือเป็นเกมที่ทุกคนรู้ดีว่าจะลงเอยแบบนี้ แต่สิ่งที่อยากจะเตือนให้ทุกคนรับรู้คือ เห็นตัวอย่างข้างต้นไหมล่ะ! แล้วตัวนี้จะไม่ลงเอ่ยแบบนั้นได้อย่างไร..จริงไหม?


** หุ้น CK–SCC!! **
โดย อินเด็กซ์ 51 11 ธ.ค. 2558

บล.เอเซียพลัส ระบุว่าแม้ตลาดยังถูกกดดันจากราคาน้ำมัน แต่การที่ ครม.อนุมัติรถไฟฟ้าใต้ดินสีส้มเพิ่มเติม เปิดโอกาสให้ CK–ITD ที่มีประสบการณ์ตรง และน่าจะหนุนหุ้นก่อสร้าง SCC ด้วย

โดยระบุว่า หลัง รฟท.สรุปผลประมูลรถไฟทางคู่ช่วงถนนจิระ-ขอนแก่น ซึ่งกลุ่ม CK เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุดที่ 23,444 ล้านบาท ขั้นตอนต่อไป จะเป็นการตรวจสอบเอกสารและต่อรองราคา ซึ่งเชื่อว่าจะใช้เวลาไม่นาน น่าจะเริ่มงานได้เลยไตรมาส 1 ปี 59 ระยะเวลาก่อสร้าง 3 ปี ถือเป็นงานใหญ่ที่สุดของปีสำหรับ CK เพราะตั้งแต่ต้นปีได้งานใหม่เพียง 7,466 ล้านบาท ทำให้ backlog ของ CK แตะระดับ 1 แสนล้านบาทอีกครั้ง!!

นอกจากนี้ ครม.มีมติอนุมัติโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์ วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี ระยะทาง 21.2 กม. วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะว่าจ้างบริษัทเอกชนมาทำการศึกษา และ ทำ TOR พร้อมเปิดประมูลได้ราว พ.ค.ปี 59 และเริ่มก่อสร้างได้กลางปี

คาดว่าผู้ที่มีคุณสมบัติในการประมูลยังคงเป็น 4 บริษัทเดิมคือ CK, ITD, STEC, UNIQ เนื่องจากจะมีสัญญาการว่าจ้างรวม 7 สัญญาจึงเป็นไปได้ที่ทุกรายจะได้งานอย่างน้อย 1 สัญญา แต่เชื่อว่า CK และ ITD ที่มีประสบการณ์สร้างรถไฟฟ้าใต้ดิน (2 รายก่อสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินรายละ 50% ของทั้งหมด) จึงเชื่อว่า 2 บริษัทมีโอกาสได้งานมากสุด

หาก CK ได้งานนี้เพิ่มอีกเพียง 1 สัญญา เมื่อรวมกับรถไฟ จิระ-ขอนแก่น เท่ากับงานใหม่ที่เกิดขึ้นปี 59 น่าจะเกินกว่าสมมติฐานที่นักวิเคราะห์เอเซียพลัส ประเมินไว้ขั้นต่ำปีละ 3.5 หมื่นล้านบาท ทำให้มีโอกาสปรับเพิ่มประมาณการและ Fair Value ได้ในอนาคตอันใกล้

เบื้องต้นยังคงให้มูลค่าพื้นฐานหุ้น CK เดิมที่ 33 บาท ยังมี upside สูง 22% จากราคาปัจจุบัน รวมถึงเสถียรภาพของกำไรที่มีมากกว่ารายอื่นๆ จากส่วนแบ่งรายได้และเงินปันผลของบริษัทลูกที่มีเข้ามาสม่ำเสมอ โดยปี 59 เป็นต้นไป CK จะมีส่วนแบ่งกำไรจาก BEM (BECL+BMCL) ไม่ต่ำกว่า 750 ล้านบาท จากอดีตที่เคยรับรู้เพียงเงินปันผลจาก BECL ราว 375 ล้านบาท/ปี

นอกจากหุ้นก่อสร้างแล้ว คาดว่าหุ้นวัสดุก่อสร้างจะได้ประโยชน์ โดยชื่นชอบ SCC มากสุด โดยราคาตลาดมี upside กว่า 36% และ ยังคาดหวังเงินปันผลราว 3.33% และเป็นหุ้น market cap ใหญ่ที่อาจเป็นตัวเลือกของนักลงทุนสถาบันไทย หากมีการปรับลดหุ้น CPALL ออกพอร์ต!!


http://ho.lazada.co.th/SHEcXv







Share on Google Plus

About Admin

This is a short description in the author block about the author. You edit it by entering text in the "Biographical Info" field in the user admin panel.
    Blogger Comment
    Facebook Comment

0 comments :

Post a Comment