สรุปข่าวการลงทุนหุ้น วันที่ 09 ธันวาคม 2558
** ทะเลสีดำ! **
2015-12-9 : โมนิก้าและทีมงาน
*ดูเหมือนสูตรสำเร็จของการลงทุนในปีนี้จะเป็นอะไรที่พูดยากมากๆ เพราะมีส่วนผสมของหุ้นพื้นฐานแกร่ง บวกกับหุ้นเก็งกำไรปะปนอยู่ตลอดเวลา กูรูบางรายถึงกับส่ายหัวลูกหัว พร้อมกับสบถถ้อยคำออกมาอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นเรื่องที่ใครๆ ก็ทำกันทั้งนั้น “โมนิก้า” ก็เลยนึกถึงคำพูดของปราชญ์ท่านหนึ่งกล่าวไว้ว่า “สมองของคนเหมือนพื้นดินที่ว่างเปล่า เมื่อปลูกอะไรลงไป ก็จะได้ผลเป็นอย่างนั้น … จึงควรปลูกฝังแต่สิ่งดีๆ ลงไปในสมองนะคะ
*เนื่องจากการคิดถึงแต่สิ่งดีๆ มักทำให้ปัญหาใหญ่ๆ กลายเป็นเพียงบททดสอบกระบวนการทางความคิด เหมือนเช่นเพลง “ทะเลสีดำ ไม่มีแสงไฟมองไม่เห็นทาง... เธอกลัวหรือไม่ เธออาจเหน็บหนาวทุกคราวที่เจอะคลื่นลม อาจมองไม่เห็นเส้นของขอบฟ้าไกล เธอแน่ใจ...(ฉันแน่ใจ)” “โมนิก้า” ถือเป็นท่วงทำนองที่ทำให้เดี๊ยนต้องยืนหยัดอยู่บนการแสดงความคิดเห็นที่เป็นอิสระนะจะบอกให้
*งานนี้ไม่ได้ดราม่าเพื่อบีบน้ำตาขอความเห็นใจ แต่อยากให้ทุกคนเข้าใจถึงการทำหน้าที่ของแต่ละฝ่ายควรมีจุดยืนที่ชัดเจน เพราะสังคมต้องการคำตอบจากปากผู้รู้ว่า เรื่องจะเดินต่อไปอย่างไร? ซึ่งเหมือนกับการอ่อนตัวของดัชนีลงมาปิดที่ 1,306.98จุด ลบไป 26.59 จุด ด้วยมูลค่า 3.69 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” คิดว่าคงมีตัวเร้าที่ทำให้นักลงทุนกลุ่มต่างๆ ต้องทิ้งหุ้นออกมาก่อนเจ้าค่ะ
*โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนที่เป็นกองทุน! ทำไมถึงแสดงจุดยืนด้วยการเทขายหุ้นอุตลุด แถมวานนี้สาดหุ้นออกมา 1.50 พันล้านบาท ขณะที่ฝรั่งขี้นกโยนออกมาแค่ 350 ล้านบาท ส่วนปอบผีฟ้าขอเกาะกระแสด้วยการขว้างออกมา 180 ล้านบาท ส่วนแมงเม่าปีกแข็งรับของเข้าพอร์ตไป 2 พันล้านบาท มันเป็นโจทย์ที่ต้องคิดกันต่อไปว่า แนวรับ 1,300 จุด..เอาอยู่ไหม? พะยะค่ะ
*เนื่องจากเป็นที่ทราบกันมาระยะหนึ่งแล้วว่า หุ้นไทยยังมูลค่าที่สูงเกินไปเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน และหนทางเดียวที่จะทำให้ตลาดหุ้นไทยกลับมาเป็นที่สนใจก็คือ ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนต้องออกมาดี แต่เมื่อดูความเป็นจริงที่เกิดขึ้นจะเห็นว่า มันยากเหลือเกินที่จะได้เห็นเรื่องแบบนั้น เพราะสภาพแวดล้อมไม่เอื้อให้บริษัทต่างๆ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเหมือนเช่นที่ผ่านมานะซี
*เหมือนกับอาการที่หุ้น CPALL โดนถล่มอย่างหนักหน่วงจนหาทางกลับบ้านไม่เจอ พร้อมกับทำให้จุดเด้งกลายเป็นจุดต้องทิ้งหุ้นหนีตายกันจ้าละหวั่นนั้น “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่ควรให้ผู้รู้มาให้คำตอบกับสาธารณชนว่า เกิดอะไรขึ้น? วานนี้หุ้นถึงดิ่งลงมาปิดที่ 41 บาท ลบไป 2 บาท หรือลงไป 4.60% ด้วยมูลค่า 2.50 พันล้านบาท และคนที่จะเม้าท์เรื่องนี้ได้ดีสุดคงหนีไม่พ้นกองทุน เพราะวานนี้ยอดขายโชว์หรา..แบบสุดซอยเลยนิ...อิอิอิ
*อีกหนึ่งรายที่โดนจัดหนักไม่แพ้กันก็คือ PTT โดนถล่มตั้งแต่เช้าจรดเย็นนั้น มันมีสาเหตุมาจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกร่วงลงอย่างต่อเนื่อง ทุกคนเลยมองไปในทางเดียวกันว่า เข้าสู่วงจรขาลงอย่างเต็มตัว! และทางออกที่ดีสุดสำหรับคนที่มีหุ้นตัวนี้อยู่ในพอร์ตก็คือ ขายทิ้ง วานนี้ถึงเห็นหุ้นลงมานอนอยู่ที่ 241 บาท ลบไป 11 บาท หรือลงไป 4.40% “โมนิก้า” เลยสงสัยว่าจะเกิดปรากฏการณ์ double bottom ที่บริเวณ 240 บาท เหมือนก่อนหน้านี้ไหมเจ้าค่ะ
*ส่วนหุ้นน้องใหม่ SPRC ของมันเห็นกันอย่างทนโท่ว่า ผ่านจุดพีคของการทำธุรกิจมาแล้ว และวันนี้มีแต่คนมองภาพเป็นลบ ประจวบกับสถานการณ์หลายอย่างออกไปในโทนร้าย “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่หุ้นอ่อนตัวลงมาปิดที่ 8 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 11% เพราะของมันเห็นกันอยู่แล้วว่า มีแต่คนส่ายหน้าหนี การประคองตัวปิดที่ระดับนี้ได้ เดี๊ยนถือว่าทรงยังดี และภาวนาว่า อย่าได้มีใครโดยหุ้นออกมาอีก เพราะได้ข่าวว่าส่วนใหญ่ยังกอดหุ้นไว้อยู่ หากวันนี้เกิดจิตตกล่ะก็..เละยิ่งกว่าโจ๊กเปิดฝาหม้อแน่ๆ พะยะคะ
*หุ้นอีกหนึ่งกลุ่มที่สภาพดูไม่จืด และทุกครั้งมักมีส่วนร่วมกับตลาดเป็นประจำก็คือ หุ้นกลุ่มแบงก์ วันนี้ไม่ต้องถามว่าใครมีสภาพดีกว่ากัน เพราะที่เห็นในวันนี้ คือ เละกันถ้วนหน้า! โอกาสที่หุ้นจะฟื้นตัวในระยะสั้น ยังมีความเป็นเป็นไปได้อยู่บ้างเล็กน้อย ส่วนโอกาสที่จะฟื้นตัวอย่างบูรณาการเหมือนแต่ปางก่อนนั้น ลืมไปได้เลย! เพราะวันนี้มีแต่คำว่าลดพอร์ตหุ้นใหญ่..ไม่เชื่อลองไปหารีเสิร์ชต่างประเทศอ่านดูซิค่ะ
*ส่วนที่พลิกล็อกสุดๆ น่าจะเป็นในรายของ THAI จู่ๆ เด้งขึ้นอย่างร้อนแรง ทั้งที่มีข่าวออกมาอีกระรอกเกี่ยวกับขาดทุนจากการสต๊อกอะไหล่ 4 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นมูฟเม้นท์ที่ไม่ค่อยเวิร์กสักเท่าไหร่ และมองไม่เห็นเหตุผลในการดันหุ้นขึ้นมาปิดที่ 7.85บาท บวกไป 0.35บาท หรือขึ้นไป 4.70% ในขณะที่พรรคพวกอย่าง BA กลับโดนสอยร่วงลงมากองอยู่ที่ 21 บาท ลบไป 0.70บาท หรือลงไป 3% มันเป็นภาพมุมกลับที่นักลงทุนต้องไปคิดกันเอาเองว่า มันเกิดเรื่องแบบนี้ได้อย่างไรเจ้าค่ะ
*ผิดกับในรายของ TACC วันนี้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่า หุ้นโกรทสต๊อกต้องมีสตอรี่ดีคอยหล่อเลี้ยง และที่สำคัญต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนให้ได้ และดูเหมือนผู้บริหารหนุ่มไฟแรงอย่าง “ชัชชวี วัฒนสุข” จะทำผลงานตรงนี้ได้ค่อนข้างดีเสียด้วย วานนี้ถึงเห็นหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 4.66บาท บวกไป 0.52บาท หรือขึ้นไป 12.60% ด้วยมูลค่า 1.40 พันล้านบาท..เดี๊ยนเม้าท์ได้แค่ว่าทีเด็ด..ไม่เชื่อลองดูต่อไปเรื่อยๆ ซิจ๊ะ
** ไหลลึก!! **
โดย อินเด็กซ์ 51 9 ธ.ค. 2558
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 8 ธ.ค.58 ปิดที่ระดับ 1,306.98 จุด ลดลง 26.59 จุด ระหว่างวันแกว่งในกรอบ 1,306.20–1,324.61 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 36,921.22 ล้านบาท
หุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด
CPALL ปิด 41 บาท ลบ 2 บาท,
SPRC ปิด 8 บาท ลบ 1 บาท,
KBANK ปิด 160.50 บาท ลบ 5.50 บาท,
PTT ปิด 241 บาท ลบ 11 บาทและ
TKN ปิด 6.10 บาท บวก 0.10 บาท
ตลาดหุ้นไทยไหลลงลึก มีแรงเทขายหุ้นขนาดใหญ่เกือบทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานที่ได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงหลุดระดับ 40 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ยิ่งกดดันให้ตลาดในภาพรวมไม่สดใส โดยนักลงทุนหวั่นราคาน้ำมันจะไหลลงมากกว่านี้ จึงพากันเทขายหุ้นพลังงานและหุ้นโภคภัณฑ์หนัก
ท่ามกลางความกังวลในเรื่องที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ
จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมกลางเดือนนี้ แม้จะเป็นประเด็นที่รับรู้และคาดการณ์กันอยู่แล้ว เพราะจะส่งผลให้เงินทุนไหลออกจากตลาดประเทศเศรษฐกิจ
เกิดใหม่ ไปยังสินทรัพย์ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ค่าเงินดอลลาร์จะมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ตามดอกเบี้ยที่ปรับขึ้น
ยิ่งค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า ราคาน้ำมัน ทองคำและสินค้าโภคภัณฑ์ยิ่งอ่อนตัวลง!!
บล.ธนชาต ระบุว่า ถ้าพิจารณาในทางเทคนิค ตลาดปรับตัวลงมาทำรูปแบบ Head & Shoulder โดยมีแนวรับสำคัญที่บริเวณ 1,305 จุด แนะนำ “Selective” โดยเน้นเลือกหุ้นรายตัวในกลุ่ม รับเหมาฯ และสื่อสารปันผลสูง และหุ้น Momentum แข็ง อย่าง CK–INTUCH– ADVANC–BDMS และ MINT
โดยแนะนำ “ซื้อ” CK ที่ล่าสุดชนะประมูลรถไฟรางคู่จิระ–ขอนแก่น 2.34 หมื่นล้านบาท (ราคากลาง 2.36 หมื่นล้านบาท) โดยนอกจากการชนะประมูลจะเป็นการเพิ่ม Backlog แล้ว
ประเด็นการควบรวมกิจการระหว่าง BMCL+BECL=BEM เร็วๆนี้ทำให้ BEM มีความพร้อมทั้งฐานเงินทุน และมีโอกาสในการเติบโตธุรกิจรถไฟฟ้าอีกมาก จะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาหุ้นในระยะ 1-2 เดือน
บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) มองด้านเทคนิคตลาดมีโอกาสรีบาวด์กลับขึ้นได้ในระยะสั้น แต่กรอบการปรับตัวขึ้นยังเปราะบาง เพราะปัจจัยภายนอก
นักลงทุนยังกังวลเรื่องเดิมที่ยังไม่คลี่คลาย ทั้งราคาน้ำมัน และสหรัฐฯเตรียมปรับขึ้นดอกเบี้ย รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจของแต่ละประเทศยังออกมาไม่ดีนัก ขณะที่ภายในประเทศก็ยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ โดยให้แนวรับไว้ที่ 1,300 จุด!!
0 comments :
Post a Comment