** กองทุนสุมหัวปอบ..ทุบหุ้น **
เจาะกระดานหุ้น : โมนิก้าและทีมงาน
*วันนี้มีหลากหลายเรื่องราวที่ทำให้ “โมนิก้า” ต้องออกมาก่นด่านักลงทุนบางกลุ่มที่อาศัยช่องว่างของข่าวสารบางอย่างหาประโยชน์ให้กับตัวเอง ซึ่งเป็นเรื่องเดิมๆ ที่เห็นจนชินตา แต่ดูเหมือนว่า พฤติกรรมดังกล่าวจะหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ วานนี้ถึงมีข่าวเม้าท์หลากหลายเรื่องราวเข้ามากระทบกับตลาดหุ้นตลอดทั้งวัน จนดัชนีออกอาการเป๋ชนิดที่ว่า หาทางกลับไม่เจอกันเลยทีเดียวเจ้าค่ะ
*โดยหนึ่งในประเด็นหลักที่ “โมนิก้า” พยายามพ้อยต์ให้เห็นเป็นประจำคือ “ข่าวลือ” กับ “ความจริง” มันไปในทางเดียวกัน หรือมีลักษณะที่ขัดแย้งกันในตัว เพราะข้อมูลในส่วนนี้จะเป็นตัวบอกให้นักลงทุนรู้ว่า มีคนบางกลุ่มจ้องทุบหุ้นเพื่อเอาของถูก ซึ่งเหมือนกับวันก่อนที่เดี๊ยนเล่าให้ฟังว่า ตลาดหุ้นไทยต้องเผชิญกับความผันผวนของข่าวสารต่อไปอีกระยะหนึ่งไงล่ะค่ะ
*ด้วยเหตุนี้ถึงต้องพยายามปรับจูนความคิดให้เข้าที่เข้าทางตั้งแต่เนิ่นๆ ต่อจากนั้นจะเห็นว่าการที่ดัชนีร่วงลงมาปิดที่ 1,339.45จุด ลบไป 17.56 จุด ด้วยมูลค่า 3.72 หมื่นล้านบาท มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องตื่นเต้นเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะในช่วงเดือน สิงหาคม 58 ดัชนีก็เคยรูดลงมายืนต่ำกว่า 1,300 จุด ถัดจากนั้นก็เด้งขึ้นอย่างช้าๆ พร้อมกับขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,400 จุด ต่อด้วยแนวต้าน 1,450 จุด ยังจำกันได้ไหม?
*เหล่านี้เป็นข้อมูลที่ “โมนิก้า” พยายามชี้ให้ทุกคนเห็นว่าอย่าหวั่นไหวกับข่าวสารที่ออกมามากเกินไป! และเมื่อเจาะลึกลงไปในรายละเอียดจะเห็นว่ากองทุนทุนสาดหุ้นออกมา 500 ล้านบาท ปอบผีฟ้าทิ้งออกมาอีก 1.70 พันล้านบาท ส่วนฝรั่งตาน้ำข้าวซื้อ 18 ล้านบาท ขณะที่แมงเม่าซื้อสวนเข้าไปตั้ง 2.24 พันล้านบาท...คุณคิดว่าใครเป็นคนจุดประเด็น EU คว่ำบาตรไทยล่ะค่ะ
*ตรงนี้คือข้อมูลที่ทำให้ “โมนิก้า” มั่นใจขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งว่า ที่หุ้นไทยเละเทะขนาดนี้..มันเกิดจากน้ำมือคนพวกนี้แหละ! เพราะตรรกะของการลงทุนไม่มีอะไรซับซ้อนเลยสักอย่าง เมื่อมีคนซื้อก็ต้องมีคนขาย และการขายที่แนบเนียนสุดๆ ก็คือ การขายในช่วงที่มีข่าวชุลมุนวุ่นวาย เพราะเหตุผลที่ยกมาบอกกับสังคมนั้น มันฟังขึ้นทุกประตูหน้าต่างกันเลยทีเดียวนะคะ
*สิ่งที่น่าคิดอย่างหนึ่งคือ กองทุนกับปอบผีฟ้าเม้าท์มอยอย่างไม่หยุดหย่อนว่า นี่เป็นจังหวะทยอยสะสมหุ้นไทย พอแมงเม่าเผลอเรอทีไร พวกนี้สาดหุ้นใส่เป็นประจำเลย “โมนิก้า” ถึงไม่อยากเชื่อน้ำคำนักลงทุนพวกนี้สักเท่าไหร่? ซึ่งเหมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับธุรกิจสายการบินของไทย มันเป็นเรื่องที่ผู้เกี่ยวข้องต้องออกมาชี้แจงกับสังคมถึงขั้นตอนการปรับปรุงแก้ไขไปถึงไหนแล้ว!
*ไม่ใช่ออกสเต็ปชกลมไปเรื่อยเปื่อย แต่สุดท้ายทำอะไรไม่เป็นโล้เป็นพาย มันทำให้คนตั้งคำถามถึงความสามารถของรัฐบาลทหารในการบริหารธุรกิจเจ๋งจริงไหม?ขนาดคนอย่าง “ธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์” ลุกขึ้นมาท้วงถามความคืบหน้าในการแก้ปัญหาการบิน พร้อมกับจี้ตรงไปยัง “ป๋ายุทธ์” ให้ลงมาจัดการกับปัญหาเรื้อรังในส่วนนี้..สะอึกกันถ้วนหน้าเลยทีเดียวเจ้าค่ะ
*ตรงนี้ทำให้หุ้นสายการบินร่วงเละเทะ โดยเฉพาะพี่บิ๊กเบิ้ม แต่ข้างในกลวงโบ๋อย่าง THAIราคาหุ้นอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี จากในช่วงต้นปี 58 หุ้นยืนอยู่ที่ 16 บาท ล่าสุดหุ้นลงมาปิดที่ 8.05 บาท ลบไป 0.65 บาท หรือลงไป 7.50% “โมนิก้า” ขอเรียนตามตรงว่า หมดสภาพชนิดดูไม่ได้เลยทีเดียว และยังมองไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์แบบนี้..อยู่ห่างๆ ปลอดภัยกว่าเยอะ จริงไหมพี่นก!
*ส่วนหุ้นสายการบินตัวอื่นๆ อย่าง AAV NOK BAล้วนตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน แรงเทขายพรั่งพรูออกมาตั้งแต่เช้า และยังไม่รู้ว่า แรงเทขายจะหมดลงเมื่อใด? เพราะพรายกระซิบรายงานทางลับมาว่า น่าจะมีเรื่องที่โหดร้ายเกิดขึ้นกับหุ้นสายการบินเป็นระลอก และตราบใดที่ปัญหาดังกล่าวยังไม่ได้รับการสะสาง “โมนิก้า” ก็ไม่มีวันชำเลืองดูหุ้นเหล่านี้หรอกค่ะ
*ยกเว้นในรายของ AOT ใครจะมองอย่างไรก็ช่าง แต่เดี๊ยนยังมองเป็นหุ้น top pick วันยันค่ำ เหตุผลไม่มีอะไรมากมาย แค่เห็นพัฒนาการของรายได้และกำไรเติบโตทุกปี แถมจำนวนนักท่องเที่ยวก็ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง “โมนิก้า” ถึงมองเป็นโอกาสของการซื้อมากกว่าอุปสรรค ล่าสุดหุ้นอ่อนตัวลงมายืนอยู่ที่ 322 บาท ลบไป 2 บาท พร้อมกับประกาศจ่ายปันผล 5 บาทต่อหุ้น คุ้มหรือไม่คุ้ม..ดูกันเอาเองนะคะ
*ป.ล.ในเมื่อทุกอย่างค่อยๆ ชัดเจนไปทีละเปราะ วันนี้ดัชนีก็มีโอกาสรีบาวด์ค่อนแรง ส่วนจะไปได้ไกลแค่ไหน ขึ้นอยู่กับข่าวสารที่จะเข้ามากระทบเจ้าค่ะ
** ข่าวลือถล่ม!! **
โดย อินเด็กซ์ 51 3 ธ.ค. 2558
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 2 ธ.ค.58 ปิดที่ระดับ 1,339.45 จุด ลดลง 17.56 จุด โดยระหว่างวันขึ้นไปสูงสุดที่ระดับ 1,364.96 จุด ขณะที่มีมูลค่าการซื้อขาย 37,211.05 ล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติโชว์ตัวเลขซื้อสุทธิแบบงงๆที่ 18.77 ล้านบาท ขณะที่พอร์ตโบรกเกอร์ตัวดีขายสุทธิหนัก 1,763.90 ล้านบาท ตามด้วยนักลงทุนสถาบันในประเทศขายสุทธิ 500.38 ล้านบาท ส่วนรายย่อยในประเทศเป็นชาวสวนเข้าซื้อสุทธิ 2,245.50 ล้านบาท
หุ้นที่ซื้อขายสูงสุด JAS ปิด 4.42 บาท ลบ 0.10 บาท, KBANK ปิด 167 บาท ลบ 2 บาท, PTT ปิด 250 บาท ลบ 3 บาท, AOT ปิด 322 บาท ลบ 2 บาทและ CPALL ปิด 46.75 บาท ลบ 0.25 บาท
นักลงทุนแพนิค เทขายหุ้นหลังมีการปล่อยข่าวลือในตลาดออกมาในช่วงบ่ายว่า ที่ประชุมสหภาพยุโรป (อียู) ลงมติคว่ำบาตรประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ทั้งด้านการค้า ความตกลง ความช่วยเหลือ และความร่วมมือต่างๆจะถูกระงับระหว่างที่ยังไม่มีการเลือกตั้ง!!! ซึ่งเป็นข่าวลือประเด็นเก่าที่เคยถูกปล่อยออกมาก่อนหน้านี้
แม้ทั่นรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” จะออกมายืนยันว่าไม่มีรายงานใดๆที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ขณะที่มีข่าวชี้แจงออกมาอีกทางว่า คณะผู้แทนอียูออกมาปฏิเสธว่าข่าวที่ออกมาไม่เป็นความจริง แต่ยังไม่อาจต้านแรงเทขายหุ้นออกมาอย่างหนักของนักลงทุนได้!!
บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง แนะให้หาจังหวะสะสมหุ้นแบงก์ KBANK-KTB ที่จะได้ประโยชน์ตรงจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยปี 59 และส่งผลให้กลุ่มแบงก์กลับมา Outperform ตลาดได้ในปีหน้า
ขณะที่ บล.เคจีไอ ระบุว่าแรงขายด้วยความตื่นตระหนก ได้กดให้ดัชนีหลุดแนวรับทางเทคนิคที่ 1,350 จุด ทำให้เสียสัญญาณทางเทคนิค แต่คาดว่าดัชนีจะรีบาวน์กลับได้ในระยะสั้น ด้านเทคนิคให้แนวรับไว้ที่ 1,320-1,300 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ 1,360 จุด
บล.เอเซียพลัส มองหุ้นตกแรงทั้งที่ปัจจัยพื้นฐานไม่ได้เปลี่ยนแปลงโดยยังมองภาพการลงทุนยังดีอยู่ ดังนั้นจึงเป็นโอกาสซื้อเพื่อลงทุนในระยะยาวข้ามปี โดยหากมองไปปีหน้าประเมินผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนภายใต้สมมติฐานค่า PE เฉลี่ยของตลาดที่ 14 เท่า ถือว่าราคาหุ้นไม่แพง!!
โดยหุ้นเป้าหมายจะเป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ โดยเฉพาะหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ PPP fast track คือวัสดุก่อสร้าง, รับเหมาก่อสร้าง ตลอดจนหุ้นที่มีความเชื่อมโยง และกลุ่มธนาคารที่ได้รับอานิสงส์เพิ่มขึ้น คือ SCC–CK–BTS–KBANK–PS!! เลือกเป็นหุ้นเด่น.
** น้ำมันดิ่งต่ำกว่า$40กังวลอุปทานล้น ฉุดหุ้นมะกันร่วง-ทองคำปิดลบ **
เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ราคาน้ำมันดิ่งลงต่ำกว่า 40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อวันพุธ(2ธ.ค.) ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาดที่ยังไม่จางหาย ปัจจัยนี้ฉุดให้วอลล์สตรีทร่วงแรงเช่นกัน ส่วนทองคำปิดลบหลังประธานเฟดส่งสัญญาณว่าจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนนี้
น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 1.91 ดอลลาร์ ปิดที่ 39.94 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทรุดต่ำกว่า 40 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคม ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 1.95 ดอลลาร์ ปิดที่ 42.49 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นักวิเคราะห์คาดหมายว่าที่ประชุม 12 ชาติสมาชิกโอเปกในเมืองหลวงของออสเตรีย จะมีมติคงเป้าหมายกำลังผลิตไว้ตามเดิมที่ 30 ล้านบาร์เรล แม้มีความกังวลต่อภาวะอุปทานล้นตลาด
นอกจากนี้อีกปัจจัยที่ฉุดราคาน้ำมันในวันพุธ(2ธ.ค.) ก็คือข้อมูลอย่างเป็นทางการของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ที่เผยให้เห็นว่าคลังน้ำมันดิบสำรองเชิงพาณิชย์ของประเทศ ในสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล บ่งชี้อุปสงค์ที่อ่อนแอภายในชาติผู้บริโภครายใหญ่
ราคาน้ำมันที่ตกต่ำส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน และฉุดให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันพุธ(2ธ.ค.) ขยับลง ท่ามกลางความเห็นที่แข็งกร้าวของประธานเฟด เพิ่มความคาดหมายว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม
ดาวโจนส์ ลดลง 158.67 จุด (0.89 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17.729.68 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 23.12 จุด (1.10 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,079.51 จุด แนสแดค ลดลง 33.08 จุด (0.64 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,123.22 จุด
นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) กล่าวว่าเธอกำลังมองไปถึงการปรับขึ้นดอกเบี้ยซึ่งจะถูกมองว่าเป็นข้อพิสูจน์ว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวจากภาวะถดถอยแล้ว ขณะที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินมีกำหนดหารือกันในวันที่ 15-16 ธันวาคม
นอกจากนี้แล้วนางเยลเลน ยังแสดงความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจอเมริกา หลังจากข้อมูลในวันเดียวกัน แสดงให้เห็นว่ามีการจ้างงานภาคเอกชนเพิ่มขึ้นในเดือนพฤศจิกายน ก่อนหน้าที่จะมีการเผยแพร่ข้อมูลภาคแรงงานอันสำคัญในวันศุกร์(4ธ.ค.)
ความเห็นของนางเยลเยน ที่บ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า ฉุดให้ราคาทองคำเมื่อวันพุธ(2ธ.ค.) ปิดลบพอสมควร โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 9.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,053.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์
0 comments :
Post a Comment